ส.อ.ท.เตือนสหรัฐฯ-อียู ยกธงขาวถอยทัพหนีไทย

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนได้จับตาสถานการณ์การเมืองอย่างใกล้ชิด เพราะคาดหวังให้การเลือกนายกรัฐมนตรี ได้ข้อสรุปโดยเร็วเพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปตามไทม์ไลน์ที่กำหนดไว้ในเดือน ส.ค.นี้ เพราะเป็นจุดที่ภาคเอกชนโดยเฉพาะคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้ประเมินและคำนวณความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจไทยที่อยู่ในจุดที่รับได้และหากล่าช้าออกไปจากนี้ก็หมายถึง ความเสียหายต่อเศรษฐกิจที่จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ

“ตั้งแต่เลือกตั้งมาก็ใช้เวลาใกล้จะ 3 เดือนแล้ว ในการรอรัฐบาลใหม่ หากยังล่าช้าก็จะเป็นผลเสียต่อประเทศไทย และการชุมนุมทางการเมือง หากไม่มีความรุนแรง ภาวะเศรษฐกิจไทยก็ยังคงเติบโตได้เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่จะมากน้อยเพียงใด ยังอยู่ที่ภาวะเศรษฐกิจโลก และการเร่งจัดตั้งรัฐบาลของไทยด้วย หากถามว่าอยากเห็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นอย่างไร ก็อยากได้ผู้ที่มาเป็นแต่ละกระทรวง เศรษฐกิจ มีความรู้ มีวิสัยทัศน์และทำงานได้ทันที”

ทั้งนี้ ภาวะเศรษฐกิจไทยขณะนี้ มีความเปราะบางจากเศรษฐกิจโลก ทำให้การส่งออกของไทยปีนี้จะติดลบและการลงทุนไทยและนักลงทุนต่างชาติรายเดิมที่ลงทุนอยู่แล้วกลุ่มนี้อาจรอได้ เพราะคุ้นเคยกับสภาพสังคมและการเมืองไทย รวมทั้งนักลงทุนจีนที่ประกาศการลงทุนต่อเนื่อง แต่ต่างชาติรายใหม่ที่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ และไฮเทคโนโลยีที่ไทยต้องการดึงมาลงทุนจากสหรัฐฯและสหภาพยุโรป (อียู) ที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจย้ายฐานการผลิตอาจลังเล และเลือกลงทุนประเทศอื่นแทน เพราะตอนนี้การแข่งขันในภูมิภาคเอเชียมีความร้อนแรง.