
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตได้เตรียมเรื่องเสนอ ครม.ชุดใหม่ พิจารณางบประมาณสนับสนุนอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศให้มีความต่อเนื่อง ทั้งการใช้รถยนต์ไฟฟ้าและการตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ โดยปัจจุบันรถยนต์อีวีได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง มีรถยนต์อีวีที่จดทะเบียนกับกรมขนส่งทางบกแล้ว 20,000 คัน ขยายตัวถึง 270% เป็นอัตราการขยายตัวที่สูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน เป็นผลจากมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์อีวีของรัฐบาลมีค่ายรถยนต์เข้าร่วมมาตรการรัฐแล้ว 11 ราย โดยมาตรการที่สนับสนุนการใช้รถยนต์อีวี มีดังนี้ 1.เงินอุดหนุนรถยนต์และรถกระบะคันละ 70,000-150,000 บาทต่อคัน รถจักรยานยนต์ 18,000 บาทต่อคัน 2.ลดภาษีสรรพสามิตรถยนต์จาก 8% เป็น 2% รถกระบะเป็น 0% 3.ลดอากรขาเข้ารถยนต์ที่ผลิตต่างประเทศและนำเข้าทั้งคันสูงสุด 40% ถึงปี 66 4.ยกเว้นอากรขาเข้าส่วนประกอบรถยนต์ EV เพื่อนำมาประกอบในประเทศ 9 รายการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมได้เตรียมมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมรถยนต์อีวี ดังนี้ 1.ช่วงรอยต่อรัฐบาล จะเสนอ ครม.ปัจจุบันจัดสรรงบกลาง 3,000 ล้านบาท 2.ขอรัฐบาลชุดใหม่จัดสรรงบฯ 40,000 ล้านบาท อุดหนุนอุตสาหกรรมรถยนต์อีวีให้มีความต่อเนื่อง ผ่านมาตรการภาษีสรรพสามิตและภาษีศุลกากร ตั้งแต่การตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ โรงงานผลิตรถยนต์ รวมถึงการกำจัดซากแบตเตอรี่ ส่วนเงื่อนไขค่ายรถยนต์ที่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาล จะต้องเข้ามาตั้งฐานการผลิตรถอีวีในไทยตั้งแต่ปี 67 เป็นต้นไป เพื่อผลิตรถยนต์อีวีในประเทศ ทดแทนการนำเข้า โดยต้องผลิตทดแทนอัตรา 1 ต่อ 1 คือ รถยนต์อีวีนำเข้าที่ได้เงินอุดหนุนจากรัฐ 1 คัน ต้องผลิตในประเทศ 1 คัน แต่หากค่ายรถยนต์ยังไม่สามารถผลิตรถอีวีในประเทศได้ภายในปี 67 ปีถัดไปจะต้องผลิตทดแทนอัตรา 1 ต่อ 1.5 คัน เป็นต้น.