ทำไมเศรษฐกิจไทยชะลอ แม้ท่องเที่ยวฟื้น? KKP จับตา กนง.ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สู่ 2.25%

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ทำไมเศรษฐกิจไทยชะลอ แม้ท่องเที่ยวฟื้น? KKP จับตา กนง.ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย สู่ 2.25%

Date Time: 4 ก.ค. 2566 15:14 น.

Video

3 ยุทธศาสตร์ สร้างเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย ทำอย่างไรให้เติบโตและเท่าเทียม ? | Money Issue

Summary

  • KKP Research วิเคราะห์ ทำไมเศรษฐกิจไทยชะลอ แม้ท่องเที่ยวฟื้น? เปิด 3 ปัจจัยเสี่ยง รายได้ท่องเที่ยวกระจุกตัวเพียง 11%, กนง.จ่อขึ้นดอกเบี้ยสู่ 2.25% และ GDP จีนพ่นพิษส่งออก จับตาเศรษฐกิจพลิกโผ ค่าเงินบาทเสี่ยง

ปี 2566 นับเป็นปีที่นักวิเคราะห์สำนักต่างๆ คาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง จาก 3 ปัจจัยสำคัญ ได้แก่...

  1. การประกาศเปิดเมืองที่เร็วกว่าคาดของจีนในช่วงต้นปี ที่ทำให้คนส่วนใหญ่มีมุมมองที่เป็นบวกมากขึ้นต่อภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยในภาพรวม
  2. การบริโภคในประเทศที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่องตามรายได้จากภาคการท่องเที่ยว 
  3. ภาคการส่งออกที่คาดว่าจะไม่ชะลอตัวลงมาก เพราะการเปิดเมืองของจีนจะช่วยให้อุปสงค์ของเศรษฐกิจโลกปรับตัวดี

แต่ต้องยอมรับว่าในช่วงที่ผ่านมาสัญญาณเศรษฐกิจหลายอย่างเริ่มชี้ให้เห็นว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้อ่อนแอลงกว่าที่ประเมินไว้ แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจอาจจะค่อยๆ ฟื้นตัวจากตัวเลขนักท่องเที่ยว 


หนำซ้ำประเด็นที่ต้องระวังกันเพิ่มเติม คือ กรณีล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับปรุงสถานะหนี้ครัวเรือนไทย ณ ไตรมาส 1/2566 พบมีหนี้ค้างในระบบ 16 ล้านล้านบาท คิดเป็น 90.6% ต่อจีดีพี แน่นอนในอนาคตจะกระทบต่อทิศทางเศรษฐกิจไทย เพราะรายได้ส่วนใหญ่ของประชาชนต้องเอาไปจ่ายคืนหนี้แทนการเอาไปใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการ หรือลงทุนในระบบเศรษฐกิจ 


ล่าสุด KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร ยังคงมุมมองว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เป็นไปอย่างไม่ทั่วถึงและไม่เท่ากัน และคาดว่าภาคเศรษฐกิจอื่นๆ ที่ไม่ใช่การท่องเที่ยวอาจจะเผชิญความท้าทาย และมีทิศทางที่ชะลอตัวลง ซึ่งเกิดจาก 3 ปัจจัยหลักที่เปลี่ยนไปจากช่วงต้นปี คือ


1) รายได้จากภาคการท่องเที่ยวไม่กระจายไปภาคเศรษฐกิจอื่นๆ ตามที่คาด ในปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยวจนถึงเดือนพฤษภาคมกลับมาได้ประมาณ 11 ล้านคน แต่สัญญาณในภาคเศรษฐกิจอื่นๆ กลับยังไม่ได้ฟื้นตัวได้ดีนัก โดยนับจนถึงปัจจุบันการบริโภคในกลุ่มอื่นที่ไม่ใช่ภาคบริการยังฟื้นตัวกลับไปใกล้เคียงกับระดับก่อนโควิดเท่านั้น ต่างจากประเทศพัฒนาแล้วที่การบริโภคฟื้นตัวได้ดีมาก 


สอดคล้องกับที่ KKP Research ประเมินว่า ภาคการท่องเที่ยวของไทยมีความเชื่อมโยงกับภาคเศรษฐกิจและพื้นที่เศรษฐกิจอื่นๆ ต่ำ และครอบคลุมรายได้ของแรงงานเพียงประมาณ 11% ของประเทศเท่านั้น


2) อัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น การชะลอตัวลงของการปล่อยสินเชื่อ และการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหนี้เสียในภาคธนาคาร เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่อาจทำให้วัฏจักรสินเชื่อกำลังเปลี่ยนทิศทางเป็นขาลง คือ 

  • หนี้ครัวเรือนของไทยที่ปรับสูงขึ้นเกินกว่า 80% ของ GDP เป็นระดับที่เริ่มจะส่งผลทางลบต่อเศรษฐกิจ 
  • การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย โดยดอกเบี้ยในปัจจุบันปรับสูงขึ้นมากกว่ารายได้ 
  • ปัญหาหนี้เสียในประเทศที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ปัจจัยทั้งหมดส่งผลให้ธนาคารเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และการเติบโตของสินเชื่อเริ่มชะลอลง โดยสินเชื่อในภาพรวมโตได้เพียง 0.6% ในไตรมาส 1 ซึ่งต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ และจะทำให้แนวโน้มการบริโภคสินค้าคงทน เช่น บ้าน รถยนต์ ชะลอตัวลงตาม


3) การเปิดเมืองของจีนไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวได้ดีตามที่ตลาดคาด โดยตัวเลขเศรษฐกิจล่าสุดทั้งการบริโภคและการลงทุนของจีนมีสัญญาณชะลอตัว KKP Research ประเมินว่า การชะลอตัวนี้มีส่วนสำคัญมาจากปัจจัยเชิงโครงสร้างโดยเฉพาะปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งส่งผลกระทบสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยใน 2 มิติ คือ 


ประการแรก นักท่องเที่ยวจีนมีความเสี่ยงสูงที่จะกลับมาได้ไม่ถึง 5 ล้านคนตามที่คาดไว้ โดยนักท่องเที่ยวจีนส่วนใหญ่ที่ออกมาเที่ยวยังเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวรายได้สูงที่เลือกเดินทางไปประเทศในแถบยุโรปมากกว่าอาเซียน 


ประการที่สอง การส่งออกไทยในช่วงครึ่งหลังของปีอาจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดจากเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นช้า โดยยังคงประมาณการว่าการส่งออกทั้งปีของไทยจะติดลบที่ -3.1%


เงินเฟ้อลด สะท้อนเศรษฐกิจชะลอ

เงินเฟ้อไทยปรับตัวลงเร็วกว่าที่ประเมินสะท้อนเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ช้า แม้ในช่วงต้นปีจะมีความกังวลว่าปัญหาเงินเฟ้อในประเทศไทยจะค้างอยู่ในระดับสูงจากเศรษฐกิจที่เริ่มกลับมาฟื้นตัว ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องให้เกิดการส่งผ่านราคาจากผู้ผลิตไปยังผู้บริโภค อย่างไรก็ตามข้อมูลในช่วงที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยปรับตัวลดลงต่ำกว่าที่ประเมินไว้ค่อนข้างเร็ว 


KKP Research ประเมินว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่ออกมาต่ำกว่าคาด สะท้อนว่าเศรษฐกิจและการบริโภคในประเทศไม่ได้เติบโตได้แข็งแกร่งมากนักในช่วงที่ผ่านมา แม้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นตัวแล้วก็ตาม และมีการปรับประมาณการตัวเลขเงินเฟ้อในปี 2023 ลดลงเหลือเพียง 1.8%


เมื่อเศรษฐกิจพลิกโผ ความเสี่ยงต่อค่าเงิน

แม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทยจะยังคงแสดงความกังวลด้านเงินเฟ้อที่จะเร่งตัวขึ้นในอนาคต แต่เศรษฐกิจไทยที่เริ่มมีสัญญาณชะลอตัวชัดเจนทำให้ KKP Research ประเมินว่าความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะเร่งตัวขึ้นมีน้อย และคงการคาดการณ์เดิมว่า ธปท.จะปรับดอกเบี้ยนโยบายขึ้นได้อีกแค่ 1 ครั้ง ไปที่ 2.25%  

ในทางตรงกันข้ามเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังสามาถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ปรับขึ้นสูงและยาวนานกว่าที่ตลาดคาด ความแตกต่างของสถานการณ์เศรษฐกิจและแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของไทยและสหรัฐฯ จะเพิ่มความเสี่ยงให้เงินบาทอ่อนค่าลงกว่าที่ตลาดประเมินได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2023

โดย 2 ปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตามอง คือ

  1. ภาคการท่องเที่ยวอาจฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาด
  2. ทิศทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวจะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ย และส่งผลต่อการคาดการณ์ของตลาด


จับตา 3 ความเสี่ยงกระทบเศรษฐกิจ

KKP Research ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงหลังจากนี้ยังต้องระวังความเสี่ยงอีกอย่างน้อย 3 เรื่อง และจะทำให้เศรษฐกิจปรับตัวชะลอลงรุนแรงกว่าที่คาดได้มาก คือ 

  1. สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนไป คือ อัตราเงินเฟ้อที่สูงและดอกเบี้ยขาขึ้น จะกระทบต่อภาวะการเงิน และภาระหนี้ในไทย ซึ่งอาจทำให้ไทยเข้าสู่ภาวะการลดหนี้ หรือ Deleveraging cycle  
  2. เศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงชะลอตัว แต่จากข้อมูลในอดีตความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอยมากที่สุดยังมีอยู่ในช่วงกลางถึงปลายปี 2024 และจะกลับมากระทบกับภาคต่างประเทศของไทยได้ 
  3. ความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยเฉพาะในกรณีเลวร้าย เช่น หากมีการชุมนุมประท้วง ซึ่งจะกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเครื่องจักรสำคัญของเศรษฐกิจไทย

Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ