จับตา “หนี้ค้างชำระ”	ระเบิดเวลาเศรษฐกิจ TDRI ห่วง หนี้เสียพุ่ง ปีหน้า “แผลงฤทธิ์”

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

จับตา “หนี้ค้างชำระ” ระเบิดเวลาเศรษฐกิจ TDRI ห่วง หนี้เสียพุ่ง ปีหน้า “แผลงฤทธิ์”

Date Time: 13 มิ.ย. 2566 10:37 น.

Video

3 ยุทธศาสตร์ สร้างเสน่ห์ตลาดหุ้นไทย ทำอย่างไรให้เติบโตและเท่าเทียม ? | Money Issue

Summary

  • หนี้รอเน่า ทะลุ 1.9 แสนล้าน TDRI ห่วงเป็นพิษ ต่อระบบเศรษฐกิจ จับตา สิ้นปี 66 หมดมาตรการอุ้มลูกหนี้ ของธปท. อาจไหลเป็น “หนี้เสีย” ในระบบเพิ่มขึ้น หวั่น หนี้ครัวเรือน ฉุดจีดีพีระยะหน้า ขณะ KTC เผย อุตสาหกรรมสินเชื่อยังไปได้ มั่นใจคุณภาพพอร์ตรวม เข็นโตต่อ

Latest


ข้อมูลสถิติ ที่ถูกเปิดเผย ออกมา โดย บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร หวั่น ตัวแปรที่อาจทำให้ “เศรษฐกิจไทยพัง” นอกเหนือปัจจัยภายนอก ที่ควบคุมไม่ได้แล้ว ก็คือ ภาวะ “หนี้เสีย” หรือ NPA ทะลัก และการเลี้ยงงวดของคนไทย หรือการค้างชำระหนี้  1-3 งวด แต่ยังไม่เป็นหนี้เสีย ซึ่งกำลังมีสัดส่วนเติบโตพุ่งอย่างมีนัย มาตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2564 โดยขณะนี้ มีตัวเลขรวมกัน อยู่ที่ 1.9 แสนล้านบาท หรือ มากถึง 7.3% ของยอดหนี้ทั้งหมด 

พิษภัยต่อ ทิศทางเศรษฐกิจไทย ที่อยู่ระหว่างการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงต้องพึงระวังมากขึ้น ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการ โครงการ TDRI Economic Intelligence Service (EIS) ประเมินว่า แม้จากหลายปัจจัย ทำให้เชื่อมั่นว่าสภาวะเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลัง น่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก 

แต่ยังมีแรงกดดันเงินเฟ้อจากอีกหลายปัจจัย เช่น ต้นทุนของผู้ผลิตที่ถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภคจากการฟื้นตัวด้านอุปสงค์ ค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มขึ้น และความเป็นไปได้ ของการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แม้คาดว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย จะขยับขึ้นไปหยุดอยู่ที่ 2.25%-2.5% ในสิ้นปี 2566 

ภายใต้คาดการณ์ GDP ไทยในปีนี้ จะขยายตัวได้ที่ 3.5% จาก 2.6% ในปี 2565 เพราะทิศทางภาคท่องเที่ยว และการส่งออก ในช่วงครึ่งปีหลัง น่าจะขยับดีจากช่วงครึ่งปีแรกเป็นแน่ ยกเว้นจีนไม่ได้ฟื้นตัวแข็งแกร่ง และเศรษฐกิจสหรัฐฯ, ยุโรป มีปัญหามากกว่าเศรษฐกิจถดถอย ไทยเสี่ยงมากขึ้น จากตลาดส่งออกหลักหดตัวรุนแรง 

ส่วนการบริโภคภายในประเทศนั้น ดร.กิริฎา ระบุว่า เช่นเดียวกัน แม้ความเชื่อมั่นผู้บริโภค ณ เดือน พ.ค. มาอยู่ที่ ระดับ 56.6 ทุบสถิติสูงสุดในรอบ 53 เดือน จากอัตราการว่างงานลดลง ไทยมีงานทำมากขึ้น และชั่วโมงการทำงานเพิ่ม ส่งผลมีรายได้ต่อการจับจ่ายใช้สอย 

อย่างไรก็ตาม ปัญหา “หนี้ครัวเรือน” ที่ล่าสุดยังอยู่ในระดับสูง 86.9% ต่อ GDP ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม เพราะนอกจาก 2 ใน 3 จะเป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ เช่น หนี้กู้ซื้อรถ หนี้บัตรเครดิตแล้ว ตัวเลข SMLs หรือ ก้อนหนี้ที่มีการผิดชำระเกิน 1 เดือน มีจำนวนบัญชีเพิ่มขึ้นมาก เทียบกับช่วงก่อนโควิด เพิ่มขึ้นนับเท่าตัว อยู่ที่ 6% ของก้อนสินเชื่อทั้งหมด สะท้อนถึง ช่วงที่ผ่านมา สถานะทางการเงิน ลุ่มๆ ดอนๆ ส่งค่างวดไม่ทันกำหนด 

“จริงอยู่ เรื่อง NPL อาจไม่ได้กระทบต่อเศรษฐกิจในปีนี้เท่าไร เพราะว่า ธปท.ยังมีมาตรการช่วยเหลือ ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ ยังยืดหยุ่นลูกค้าได้จนถึงสิ้นปี ทำให้ก้อนหนี้บางส่วน ยังไม่ถูกนับเป็น NPL แต่ปีหน้า คงได้เห็นการเริ่มตามหนี้ และบางส่วนคงหลุดเป็น NPL มากขึ้น ”

นั่นเท่ากับ โอกาสการจับจ่ายในระบบของภาคประชาชน จะลดน้อยถอยลง เพราะลูกหนี้กลุ่มดังกล่าว จะหมดโอกาสในการ กู้หนี้ ยืมสินเชื่อใหม่ๆ อาจจะกระทบต่อภาพรวมอุตสาหกรรมธุรกิจสินเชื่อ และทิศทางเศรษฐกิจ  

ขณะพอร์ตสินเชื่อใหญ่ในระบบ อย่าง KTC นายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาวุโส กลุ่มงานบริหารการเงิน บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เผยว่า จากข้อมูลของเครดิตบูโร อาจยังต้องติดตามและประเมินผลกระทบต่อเนื่อง จากสถานะ หนี้ค้างชำระ ที่มีในระบบสินเชื่อมากขึ้น โดยเฉพาะกรณีที่มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กำลังจะสิ้นสุดในปีนี้ ว่าก้อนหนี้ดังกล่าว จะไหลกลายเป็น NPL มากน้อยแค่ไหน 

ทำให้ KTC ติดตามและประเมินตลาดสินเชื่อรวมอยู่เช่นกัน และจัดเตรียมมาตรการรองรับ เพื่อช่วยเหลือลูกค้า เช่น มาตรการปัจจุบัน ให้ลูกค้าเลือกผ่อนหนี้ในระยะยาวสูงสุด 48 เดือน เป็นต้น ขณะ หนี้เสียของ KTC ในปัจจุบันยังมีสัดส่วนอยู่ที่ 1.9% เท่านั้น ซึ่งค่อนข้างดีกว่าภาพรวมตลาด

ส่วนการชำระหนี้ของลูกค้า KTC ทั้งพอร์ต อยู่ในระดับค่อนข้างดี และ ดีกว่าช่วงโควิด-19 ซึ่งมาจากการคัดกรองพอร์ตลูกค้า และการติดตามหนี้ ลูกค้าที่มีวินัย พร้อมคาดว่า ช่วงเดือน มิ.ย. สถานการณ์การค้างชำระ จะเริ่มกลับมาคลี่คลายเป็นปกติมากขึ้น จากจุดบอดช่วงไตรมาส 2 ที่มีเทศกาลหยุดยาวหลายระลอก ทำให้ประชาชนมีความจำเป็นใช้เงินในการจับจ่ายใช้สอยจำนวนมาก มีผลต่อวินัยการชำระค่างวด

ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/2566 พอร์ตสินเชื่อรวมของ KTC มีอัตราเติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2565 อยู่ที่ 14.5% โดยมีมูลค่าเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวมเท่ากับ 103,312 ล้านบาท ในขณะที่กลุ่มบริษัทยังคงบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินได้อย่างรัดกุมและมีประสิทธิภาพอยู่ที่ 2.6% มั่นใจว่าจะสามารถคงคุณภาพพอร์ตรวมได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ พร้อมประมาณการกำไรของปี 2566 ที่สูงกว่าเดิม

อีกทั้ง KTC ยังให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ในทุกสถานะเป็นจำนวน 1,995 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.0% ของพอร์ตลูกหนี้รวม (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2566) 

ปีนี้ KTC ตั้งเป้าการเติบโตของธุรกิจในปี 2566 ดังนี้ กำไรสูงกว่า 7,079 ล้านบาท พอร์ตสินเชื่อรวมเติบโต 15% เกินแสนล้านบาท ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เติบโต 10% พอร์ตสินเชื่อบัตรกดเงินสด “เคทีซี พราว” เติบโต 7% ยอดอนุมัติสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม รถแลกเงิน” เพิ่ม 9,000 ล้านบาท และ NPL น้อยกว่า 1.8% ซึ่งเป็นอัตรา NPL ในปีที่ผ่านมา 

 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ