“ประยุทธ์” ขอเครดิตให้รัฐบาล ผลงานฟื้นฟูเศรษฐกิจต่างชาติเชื่อมั่น

พล.อ.ประยุทธ์ขอเครดิตให้รัฐบาล เคลมผลงานเศรษฐกิจฟื้นฟู ต่างประเทศเชื่อมั่นศักยภาพการเงินการคลังของไทย ด้าน ส.อ.ท.ย้ำประชานิยมช่วยได้ช่วงสั้นๆ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การประชุมเมื่อวันที่ 18 เม.ย.2566 ถึงแม้จะมีวาระไม่มากนัก แต่เป็นหน้าที่ของ ครม.และรัฐบาลที่ต้องดำเนินการทุกอย่างให้เกิดความต่อเนื่อง โดยสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศอยู่ในเกณฑ์มีศักยภาพทำให้ความเชื่อมั่นสูงขึ้น ทุกอย่างฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สถานการณ์การเงิน การคลังอยู่เกณฑ์ดี ซึ่ง รมว.คลังได้ชี้แจงว่า หลายเวทีในต่างประเทศทุกคนยอมรับ และเชื่อมั่นศักยภาพการเงินการคลังของไทย ขอให้ฟังรัฐบาลบ้าง ตนเข้าใจดีว่าทุกคนไม่ได้มองไกลขนาดนั้น ทุกคนมองแต่เศรษฐกิจภายในครอบครัวเป็นหลัก เป็นธรรมดาที่ทุกคนต้องนึกถึงแต่ตัวเอง แต่ต้องนึกถึงภาพรวมด้วย เพราะจะต้องเติบโตไปด้วยกันทั้งหมด อะไรที่บกพร่องรัฐบาลพยายามแก้ไข และเดินหน้ายุทธศาสตร์ไปอย่างต่อเนื่อง

“การทำอะไรอย่างผลีผลาม ไม่มีข้อมูลอย่างแท้จริง ไม่ถ่องแท้ มันก็บริหารไม่ได้อย่างนี้หรอก อันนี้ขอให้เครดิตกับรัฐบาล และ ครม.ที่ทำให้สถานการณ์การเงิน การคลัง ยังแข็งแกร่งในมุมมองของต่างประเทศ”

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ภาคเอกชนมีความคาดหวังรัฐบาล รวมถึงทีมเศรษฐกิจชุดใหม่ จะต้องมีแนวทางการบริหารที่วางบทบาทการเมืองระหว่างประเทศของไทยในการรักษาสมดุลของโลกที่มีการแบ่งขั้วที่กำลังเป็นความท้าทายในช่วงนี้อย่างมาก เพื่อให้ระบบเศรษฐกิจของประเทศไทยสามารถขับเคลื่อน และมีขีดความสามารถทางการแข่งขันได้อย่างต่อเนื่อง

สำหรับประเทศไทย ต้องยอมรับว่าเป็นประเทศเล็กๆ และเศรษฐกิจไทยยังต้องพึ่งพาการส่งออกมากกว่า 60% ดังนั้นปัจจัยภายนอกจึงมีผลกระทบต่อไทยอย่างรุนแรงและประเทศไทยส่งออกไปยังตลาดหลักทั้งสหรัฐฯและจีน จึงนับเป็นความท้าทายท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่นับวันจะมีความเข้มข้นและชัดเจนมากขึ้นระหว่างขั้วตะวันตกและตะวันออก ทำให้ไทยจำเป็นต้องวางสมดุลให้ได้ ขณะเดียวกัน ในปัจจุบันทั่วโลกยังคงเผชิญภาวะเงินเฟ้อสูงขึ้นและล่าสุดกลุ่มโอเปกพลัส (Opec+) ได้ปรับลดการผลิตน้ำมันดิบลงอีก 1.15 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน พ.ค.นี้ไปจนถึงสิ้นปีนี้ ทำให้มีการวิเคราะห์แนวโน้มราคาน้ำมันตลาดโลกอาจวิ่งไปสู่ระดับ 100 เหรียญต่อบาร์เรลในช่วงสิ้นปีนี้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งอาจทำให้เงินเฟ้อโลกกลับมาเพิ่มอีก

สำหรับกรณีการเลือกตั้ง ที่แต่ละพรรคการเมืองใช้ในการหาเสียงส่วนใหญ่เป็นนโยบายประชานิยม ส.อ.ท.เห็นว่าระยะสั้นๆอาจส่งผลดีกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่ในระยะยาวไม่น่าจะช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ตรงจุด ส่วนตัวไม่เห็นว่านโยบายประชานิยมจะช่วยให้คนไทยหายจนหรือลดหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงได้.