เอกชน–นักวิชาการ ประสานเสียง “ยุบสภา” ทำคนไทยมีความหวังจากการเลือกตั้งใหม่ อยากเห็นนักการเมืองจ้องแสวงหาผลประโยชน์หมดไป และทำเพื่อบ้านเมืองอย่างจริงจัง ไร้ทุจริต พร้อมวอนรัฐบาลรักษาการ เข็นเศรษฐกิจ–เร่งเบิกจ่าย
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงกรณีมีพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร มีผลวันที่ 20 มี.ค.66 เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่ว่า การยุบสภาถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะสร้างความชัดเจนให้กับทุกพรรคการเมืองได้เดินหน้าหาเสียง ขณะเดียวกัน ประชาชน ภาคเอกชน รวมถึงนักลงทุนต่างประเทศ เกิดความเชื่อมั่นและมีความชัดเจนในการเดินหน้าทางเศรษฐกิจของไทยนับจากนี้
“หอการค้าไทยอยากเห็นการฟอร์มทีมรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความรวดเร็ว และราบรื่น เพราะจะเกี่ยวข้องกับการใช้งบประมาณเพื่อแก้ไขและฟื้นฟูเศรษฐกิจ รวมถึงนโยบาย และมาตรการต่างๆ โดยเฉพาะนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจปากท้องประชาชนของพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้ง จะต้องเร่งนำมาใช้ทันที ซึ่งจะช่วยให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วในไตรมาส 3-4 ของปีนี้”
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนี้ยังมีหลายโครงการที่อยู่ภายใต้กระบวนการตัดสินใจของรัฐบาล การยุบสภาอาจส่งผลให้โครงการต่างๆยืดเยื้อออกไป รวมถึงกลุ่มข้าราชการ ที่น่าจะเป็นกลไกสำคัญขับเคลื่อนประเทศ ก็ชะลอการทำงาน และดูทิศทางรัฐบาลใหม่ “การยุบสภา นักลงทุนรับรู้มาโดยตลอด แต่ก็ยังมีความกังวลเกิดขึ้นในช่วงที่รอรัฐบาลชุดใหม่ที่คาดว่าจะได้ในเดือน ส.ค.นี้ โดยเฉพาะความกังวลของการเดินหน้านโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากในช่วงรัฐบาลรักษาการอาจจะทำงานล่าช้า จึงอยากให้รัฐบาลรักษาการดูแล และช่วยพยุงเศรษฐกิจไปก่อน โดยเฉพาะการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ สิ่งที่ต้องการเห็นมากที่สุด คือ รัฐบาลใหม่ต้องไม่ขัดแย้งกัน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน”
ส่วนนายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า การยุบสภา เป็นโอกาสดีที่คนไทยจะได้เลือกตั้งอีกครั้ง หวังว่าสภาพทางการเมืองที่เต็มไปด้วยนักการเมืองแบ่งพรรค แบ่งพวก นักการเมืองที่จ้องแสวงหาผลประโยชน์จะหมดไปหลังการเลือกตั้งครั้งใหม่ คนไทยมีความหวังจะได้นักการเมืองที่ตั้งใจทำงานจริงจังและขอให้คนไทยเลือกพรรคการเมืองที่มีนโยบายชัดเจนที่จะนำไปสู่การปฏิบัติได้ในการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน
“จากผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน โดยมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เมื่อเร็วๆนี้พบว่าสิ่งที่ประชาชนทุกข์ใจ อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง มีหลาย ด้าน แต่ที่มากที่สุด คือ คอร์รัปชัน ช่วงที่ผ่านมา คอร์รัปชันในภาครัฐ และการกระทำของพรรคการ เมืองขัดต่อสายตาประชาชน และบรรทัดฐานอันดีของสังคม มีเยอะมาก อยากให้แก้ไข โดยเฉพาะกำจัดคอร์รัปชันในระบบราชการ กำจัดระบบอุปถัมภ์ พวกพ้อง ที่เป็นบ่อเกิดของคอร์รัปชันให้หมดไป”
ขณะที่นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการ ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ตอนนี้คนไทยอยากเลือกตั้ง และอยากมีความหวังจากการเลือกตั้ง เพราะคนไทยมีปัญหาหมักหมมหลายอย่าง และยอมรับสภาพกับปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ไม่มีใครช่วยได้ คาดว่าการเลือกตั้งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในระยะสั้น หรือในไตรมาส 2 ที่จะมีเม็ดเงินจากของพรรค การเมือง และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้ามาช่วยกระตุ้น
“อยากให้ประชาชนเลือกโดยพิจารณานโยบายของพรรคการเมืองที่เป็นประโยชน์กับประเทศจริงๆในระยะยาว การเลือกด้วยประชานิยม แม้มีความจำเป็น เพราะทุกพรรคทำหมด แต่ต้องมีนโยบายประชานิยมที่บวกกับนโยบายอื่นๆที่เป็นความหวังของประเทศด้วย ที่สำคัญต้องดูผู้นำที่มีวิสัยทัศน์นำพาประเทศได้ใน 4 ปีข้างหน้า มาช่วยเราวางรากฐานให้ทุกภาคส่วน อย่าเลือกคนที่จ่ายเงินซื้อเสียง สำหรับนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน เห็นว่ากลายเป็นวาทกรรมที่ไม่ได้เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน คนไม่ค่อยเชื่อ เพราะหาเสียงแล้ว ทำไม่ได้จริง”
ด้านนายศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า รัฐบาลรักษาการ อย่าลืมช่วยเพิ่มทักษะและพัฒนาบุคลากรด้านท่องเที่ยว โดยเฉพาะมัคคุเทศก์ ที่มีไม่เพียงพอ และเมื่อได้รัฐบาลชุดใหม่ แล้ว ขอให้เอาใจใส่ดูแล และให้ความสำคัญกับภาคการท่องเที่ยวให้มากขึ้น เพราะเป็นภาคธุรกิจหลักของประเทศ ขณะที่นายไพบูลย์ นลินทรางกูร นายกสมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า การยุบสภา เป็นปัจจัยบวก ต่อตลาดหุ้น จากสถิติในอดีต ตลาดหุ้นมักปรับตัว ขึ้นก่อนการเลือกตั้ง 2-3 เดือน ประมาณ 5% ทั้งนี้ วันที่ 25 มี.ค.นี้ สภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะจัดเวทีดีเบต โดยเชิญ 9 พรรคการเมืองมาแถลง วิสัยทัศน์ นโยบายเศรษฐกิจ และนโยบายที่เกี่ยวกับตลาดทุน.