สภาผู้บริโภคฟ้องเบรกทรู-ดีแทค ขอศาลไต่สวนฉุกเฉินสั่งหยุดควบรวมทันที

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

สภาผู้บริโภคฟ้องเบรกทรู-ดีแทค ขอศาลไต่สวนฉุกเฉินสั่งหยุดควบรวมทันที

Date Time: 11 พ.ย. 2565 05:16 น.

Summary

  • สภาผู้บริโภคมาตามนัด! ยื่นฟ้องบอร์ด กสทช.และสำนักงาน กสทช.ต่อศาลปกครอง ขอเพิกถอนมติ” รับทราบ” ควบรวมทรู–ดีแทค และขอไต่สวนฉุกเฉินเพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เบรกกระบวนการควบรวม

Latest

"อุยกูร์" ไม่กระทบส่งออกไปสหรัฐฯ "พิชัย" ย้ำเจรจาได้-เอกชนยันคุ้มครองแรงงาน

สภาผู้บริโภคมาตามนัด! ยื่นฟ้องบอร์ด กสทช.และสำนักงาน กสทช.ต่อศาลปกครอง ขอเพิกถอนมติ” รับทราบ” ควบรวมทรู-ดีแทค และขอไต่สวนฉุกเฉินเพื่อมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เบรกกระบวนการควบรวมก่อนมีคำพิพากษา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 10 พ.ย.2565 ที่ศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ คณะกรรมการบริหารสภาองค์กรของผู้บริโภค นำโดย น.ส.บุญยืน ศิริธรรม ประธานสภา น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ กรรมการบริหารสภา และ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภา พร้อมด้วยตัวแทนผู้บริโภคผู้ใช้มือถือเครือข่ายทรู ดีแทค และเอไอเอส เดินทางมายื่นฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และสำนักงาน กสทช.เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้เพิกถอนมติ กสทช. “รับทราบ” การรวมธุรกิจระหว่างบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค รวมทั้งได้ยื่นคำขอไต่สวนฉุกเฉินและขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา

โดยประเด็นการฟ้องคดีอยู่ที่มติของ กสทช. ในการประชุม กสทช.นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2565 ที่เห็นว่าการรวมธุรกิจนี้ไม่เป็นการถือครองธุรกิจในบริการประเภทเดียวกันตามข้อ 8 ของประกาศ กทช. เรื่อง มาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2549 และให้พิจารณาดำเนินการตามประกาศฉบับปี 2561 โดยรับทราบการรวมธุรกิจ รวมถึงการกำหนดเงื่อนไขและมาตรการเฉพาะ มติดังกล่าวเป็นคำสั่งทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งในด้านเนื้อหาและกระบวนการ

ในประเด็นของกระบวนการนั้น ก่อนมีการลงมติ กสทช.ไม่ได้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชนผู้ใช้บริการก่อนกำหนดเงื่อนไขและมาตรการเฉพาะ ทั้งที่มติดังกล่าวกระทบกับผู้ใช้บริการมากกว่า 118 ล้านเลขหมาย โดยเฉพาะผู้ใช้บริการทรูและดีแทคที่มี 60 ล้านเลขหมาย คิดเป็นสัดส่วนกว่า 50% ของจำนวนผู้ใช้มือถือทั้งหมด และก่อนการลงมติบอร์ด กสทช. ยังไม่ได้ดำเนินการรับฟังรายงานฉบับสมบูรณ์ของที่ปรึกษาต่างประเทศที่ได้ว่าจ้างด้วย อีกทั้งในการลงมติครั้งนั้น ประธานยังได้ออกเสียงชี้ขาด โดยเป็นการลงคะแนน 2 ครั้ง ขัดต่อระเบียบข้อบังคับการประชุม

ในประเด็นของเนื้อหามติก็มิชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน โดยข้อ 8 ของประกาศ กทช. เรื่องมาตรการเพื่อป้องกันมิให้มีการกระทำอันเป็นการผูกขาดหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมในการแข่งขันในกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2549 ระบุถึงอำนาจของคณะกรรมการ กสทช. ไว้อย่างชัดแจ้ง โดยในการลงมติจะต้องเป็นการอนุญาตหรือไม่อนุญาตเท่านั้น มติของ กสทช.เพียง “รับทราบ” จึงเป็นมติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย อีกทั้งมาตรการและเงื่อนไขดังที่ กสทช.กำหนด ยังคงได้รับข้อท้วงติงจากนักเศรษฐศาสตร์ทั้งก่อนและหลังการมีมติ ว่าไม่สามารถแก้ไขหรือลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นได้ โดยยังขาดการกำหนดมาตรการและเงื่อนไขที่เข้มข้นในเชิงโครงสร้างและยังคงต้องเพิ่ม ประสิทธิภาพของการกำกับเชิงพฤติกรรม

จากพฤติการณ์ของ กสทช. ดังกล่าวข้างต้น อาจถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่คุ้มครองประโยชน์สาธารณะและดำเนินการให้เกิดการแข่งขันโดยเสรีและเป็นธรรม ซึ่งอาจเป็นการกระทำที่ถือได้ว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 60 และขัดต่อพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ.2553 รวมถึงขัดต่อพระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544

สภาองค์กรของผู้บริโภคจึงได้ยื่นคำขอไต่สวนฉุกเฉิน และขอให้ศาลคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา เพื่อขอให้ศาลโปรดมีคำสั่งดังนี้ 1.ขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติรับทราบการรวมธุรกิจระหว่างทรูและดีแทค โดยให้ผลแห่งการทุเลาคำสั่งมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.2565

2.ขอให้ศาลปกครองมีคำสั่งห้ามหรือระงับการกระทำและนิติกรรมที่เกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องมติรับทราบการรวมธุรกิจระหว่างทรูและดีแทคทั้งหมดจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา 3.ขอให้ศาลมีคำสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) สั่งชะลอหรือระงับการรับซื้อหุ้นคืนจากผู้ถือหุ้นที่คัดค้านการควบบริษัทระหว่างทรูและดีแทคไว้ จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา 4.ขอให้ศาลมีคำสั่งให้นายทะเบียนบริษัทมหาชนจำกัด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ชะลอหรือระงับการรับจดทะเบียนและการดำเนินการควบรวมบริษัททรูและดีแทคไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

ด้าน น.ส.สารี กล่าวว่า หวังว่าศาลปกครองกลางจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนที่มีคำพิพากษา หากไม่มีการคุ้มครอง อาจจะกระทบต่อนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ “สิ่งที่เราอยากเห็นคืออยากให้ กสทช.ใช้อำนาจของตัวเองไม่ใช่ดำเนินการในระดับรับทราบ จะเห็นว่ามีความแตกต่างกันมากในกรณีฟุตบอลโลก 2022 ที่ กสทช.ไม่มีอำนาจแต่กลับใช้อำนาจของตัวเอง.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ