เศรษฐีปลูกกล้วย ปลูกมะนาว มีหนาว คลัง ชี้ กทม.มีอำนาจเก็บภาษีที่ดินเพิ่ม

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

เศรษฐีปลูกกล้วย ปลูกมะนาว มีหนาว คลัง ชี้ กทม.มีอำนาจเก็บภาษีที่ดินเพิ่ม

Date Time: 15 ก.ย. 2565 13:56 น.

Video

กลาง ธ.ค.ลุ้น! ฝนถล่มภาคใต้รอบใหม่ น้ำลดรอบนี้ต้องรีบทำอะไร? | Thairath Money Night Stand EP.26

Summary

กระทรวงการคลัง แจงท้องถิ่น และ กทม.มีสิทธิเก็บภาษีที่ดินเพิ่มจากเศรษฐีที่ดิน หากพบตั้งใจเลี่ยงภาษีปลูกกล้วย ปลูกมะนาว ย้ำเพราะกฎหมายให้อำนาจแก่ท้องถิ่นไว้แล้ว

Latest


กระทรวงการคลัง แจงท้องถิ่น และ กทม.มีสิทธิเก็บภาษีที่ดินเพิ่มจากเศรษฐีที่ดิน หากพบตั้งใจเลี่ยงภาษีปลูกกล้วย ปลูกมะนาว ย้ำเพราะกฎหมายให้อำนาจแก่ท้องถิ่นไว้แล้ว 

เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 65 นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผย ถึงกรณีที่ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร หรือ กทม. ได้เข้าหารือเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในกรณีที่มีการปลูกพืช การเกษตร ในที่ดินรกร้างว่างเปล่าใจกลางเมือง

ทั้งนี้ ผมยังไม่ได้รับรายงาน เนื่องจากคณะอนุกรรมการวินิจฉัยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กำลังจัดทำรายละเอียด เพื่อนำเสนอคณะกรรมการ วินิจฉัยภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างชุดใหญ่ที่มีผมเป็นประธาน

ในหลักการของพระราชบัญญัติ หรือ พ.ร.บ.จัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 ก็เพื่อกระตุ้นให้มีการใช้ประโยชน์จากที่ดินทั่วประเทศ ส่วนอำนาจการจัดเก็บภาษีเป็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเงินภาษี ที่จัดเก็บได้จะนำมาพัฒนาท้องถิ่น

สำหรับหลักการของการจัดเก็บภาษีนั้นขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละท้องถิ่นเอง หากพบว่า มีการปลูกพืชการเกษตรเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีก็สามารถจัดเก็บภาษีได้ โดยในหลักการต้องดูที่เจตนาด้วย แม้ว่าจะมีการปลูกพืชเกษตรในที่รกร้างว่างเปล่า

ถ้าหากเจตนาหลีกเลี่ยงภาษี ทางท้องถิ่นก็ต้องใช้ดุลพินิจในการพิจารณาว่า จะมีการจัดเก็บภาษีหรือไม่ ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการจัดเก็บภาษีที่รกร้างว่างเปล่าต้องการให้เกิดการใช้ที่ดินให้เกิดประโยชน์มากขึ้น หากการปลูกพืชเกษตรตามข้อกำหนดของกฎหมายก็ถือว่า มีการใช้ประโยชน์จากที่ดินนั้นๆ อย่างถูกต้อง

"2 ปีที่ผ่านมา มีคนที่มีที่ดินรกร้างว่างเปล่า ใช้พื้นที่ปลูกกล้วย มะนาว เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษี ก็เป็นสิทธิของเจ้าของที่ดิน แต่อำนาจการจัดเก็บภาษีเป็นของเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ที่ต้องใช้ดุลพินิจในการพิจารณาจะมีการจัดเก็บภาษีหรือไม่"

ทั้งนี้ กฎหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้กำหนดอัตราภาษีสูงสุด ที่ให้อำนาจท้องถิ่นในการจัดเก็บภาษีตามประเภทที่ดิน ดังนี้ คือ ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม อัตราเพดาน อยู่ที่ 0.15% ของมูลค่าที่ดิน

ที่ดินเพื่อที่อยู่อาศัย เพดานอยู่ที่ 0.3% ของมูลค่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และที่ดินประเภทอื่นนอกเหนือจากเกษตรกรรมและที่อยู่อาศัย เช่น ที่ดินที่ใช้ ในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม รวมถึงที่ดินรกร้างว่างเปล่า มีเพดานอยู่ที่ 1.2% ซึ่งคณะกรรมการภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง จะกำหนดอัตราภาษีแนะนำ แต่ละประเภทที่ดิน ให้เป็นแนวทางให้ท้องถิ่นจัดเก็บ และท้องถิ่นสามารถจัดเก็บในอัตราที่ต่ำกว่าอัตราแนะนำ หรือสูงกว่าก็ได้ แต่ต้องไม่เกินเพดานที่กำหนด

ในกรณีที่ดินรกร้างว่างเปล่า ไม่ได้ทำประโยชน์ตามสมควรแก่สภาพ กฎหมายได้กำหนดว่า หากที่ดินแปลงใดปล่อยไว้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า และถูกเสียภาษีในอัตรา ที่รกร้างว่างเปล่าแล้ว ยังไม่ได้นำที่ดินแปลงนั้นมาใช้ประโยชน์ ยังคงปล่อยไว้ให้เป็นที่รกร้างว่างเปล่าในทุกๆ 3 ปี จะปรับอัตราภาษีเพิ่มอีก 0.3% หากไม่ได้ทำประโยชน์อะไรอีกก็จะปรับขึ้นภาษีไปเรื่อยๆ แต่สูงสุดจะต้องไม่เกิน 3% ของราคาประเมิน


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ