
“พาณิชย์” เผยจัดมาตรการเตรียมพร้อมรองรับวิกฤติพลังงานและอาหารแล้ว ทั้งมาตรการที่ดำเนินการอยู่ มาตรการเร่งด่วน และมาตรการเร่งทำต่อเนื่อง เน้นดูแลราคาสินค้า 18 หมวดที่จำเป็น ส่งเสริมค้าออนไลน์ หาแหล่งนำเข้าปุ๋ยอื่นทดแทนรัสเซีย ผ่อนคลายนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ เร่งเจรจาทดเอฟทีเอใหม่ และอัปเกรดเอฟทีเอเดิม พร้อมทลายอุปสรรคการค้าทุกรูปแบบ
นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจครั้งที่ 1/65 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น ได้พิจารณาการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในระดับวิกฤติเศรษฐกิจ 4 ด้านคือ 1.พลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ 2.การขาดแคลนวัตถุดิบการเกษตร 3.การเงินภาคครัวเรือนและ ภาคธุรกิจเอสเอ็มอี และ 4.เชิงโครงสร้างเศรษฐกิจและการลดลงของขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งทั้ง 4 ด้าน มีมาตรการที่ดำเนินการอยู่แล้วในปัจจุบัน มาตรการแก้ปัญหาระยะเร่งด่วน และมาตรการที่ต้องเร่งดำเนินการต่อเนื่อง
สำหรับกระทรวงพาณิชย์ มาตรการที่ดำเนินการในปัจจุบันและมาตรการเร่งด่วน และได้กำหนดไว้ในแผนรับมือวิกฤติครั้งนี้แล้ว ได้แก่ 1.การกำกับดูแลราคาสินค้า 18 หมวดสำคัญ ที่เกี่ยวกับการอุปโภคบริโภคของประชาชน 2.การเร่งส่งเสริมการค้าออนไลน์ 3.การเร่งรัดเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับคู่ค้าที่มีศักยภาพ และเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้า รวมถึงผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า 4.ยกระดับการเจรจาเอฟทีเอที่มีอยู่ 5.เปิดเจรจาเอฟทีเอใหม่ และทำมินิ เอฟทีเอ หรือข้อตกลงในการเจาะตลาดเมืองรองในประเทศคู่ค้าที่มีศักยภาพ 6.การจับคู่เจรจาการค้าออนไลน์ระหว่างผู้ส่งออกไทย และผู้นำเข้าประเทศต่างๆ 7.มาตรการทางด้านวัตถุดิบอาหารสัตว์และปศุสัตว์
“รองนายกฯ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์) ที่เข้าร่วมประชุมได้รายงานสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินงาน โดยเฉพาะการหาแหล่งนำเข้าปุ๋ยเคมีทดแทนการนำเข้าจากรัสเซีย ซึ่งได้เจรจาซื้อจากซาอุดี อาระเบีย 300,000 กว่าตันแล้ว และจะต้องเจรจาอีกในช่วงการเดินทางไปซาอุฯ วันที่ 27-31 ส.ค.นี้ เพื่อให้เกษตรกรมีปุ๋ยเพียงพอ ไม่ขาดแคลน รวมทั้งมาตรการวัตถุดิบอาหารสัตว์ ที่มีการผ่อนปรนการนำเข้า เพื่อลดต้นทุนให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์ นอกนั้นในส่วนของหนี้ครัวเรือน จริงๆ ก็เริ่มลดลงแต่รายจ่ายครัวเรือนอาจจะยังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหมวดค่าโดยสาร ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และธุรกิจเอสเอ็มอี แม้ในภาพรวมค่อยๆฟื้นตัว แต่ยังไม่กลับสู่ระดับปกติ ยังกังวลเรื่องต้นทุนกำไรกันอยู่ ก็จะต้องมีมาตรการมาดูแลต่อไป”
ส่วนมาตรการเร่งด่วน ในส่วนของหน่วยงานอื่นๆ ที่มีการเสนอในที่ประชุม ได้แก่ ด้านพลังงานและสินค้า ได้กำหนดมาตรการประหยัดพลังงาน ต่ออายุมาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพ จัดจำหน่ายบัตรโดยสารรายเดือนของ ขสมก. รฟท. และ รฟม. เพื่อช่วยลดภาระของประชาชน, ด้านการขาดแคลนวัตถุดิบการเกษตร ได้เตรียมมาตรการลดต้นทุนการผลิต เช่น โครงการบริหารจัดการปุ๋ย ชดเชยราคาปุ๋ยให้เกษตรกร ส่งเสริมการผลิตและใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ฯลฯ
สำหรับด้านวิกฤติการเงินภาคครัวเรือนและเอสเอ็มอี ที่ประชุมเสนอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดำเนินโครงการพักทรัพย์ พักหนี้ต่อเนื่อง สนับสนุนสินเชื่อฟื้นฟูให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด และให้กระทรวงการคลังดำเนินมาตรการค้ำประกันสินเชื่อเอสเอ็มอีต่อ, ด้านเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ให้ ธปท.และกระทรวงการคลังพิจารณามาตรการสนับสนุนด้านการเงินในการพัฒนาศักยภาพธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ การท่องเที่ยว เกษตรและอาหาร เป็นต้น
ขณะที่มาตรการที่ต้องเร่งดำเนินการต่อเนื่อง ด้านวิกฤติต้นทุนพลังงานและสินค้า ส่งเสริมการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เน้นการขนส่งทางราง ลดการใช้พลังงานและส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด, ด้านการขาดแคลนวัตถุดิบการเกษตร ส่งเสริมการใช้วัตถุดิบในประเทศเพื่อลดการนำเข้า ศึกษาความคุ้มค่าในการลงทุนโรงงานผลิตปุ๋ยโพแทส ด้านวิกฤติการเงินภาคครัวเรือนและเอสเอ็มอี รัฐบาลจะดูแลให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่อง พัฒนาทักษะทางการเงินทุกช่วงวัย เร่งส่งเสริมการค้าออนไลน์ สร้างแต้มต่อให้เอสเอ็มอีในการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง และดูแลหนี้สินของประชาชนรายย่อย
ด้านวิกฤติเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจและขีดความสามารถในการแข่งขัน สนับสนุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หุ่นยนต์ และระบบอัตโนมัติ เร่งเตรียมความพร้อมในการแบ่งแยกห่วงโซ่การผลิตของโลกและพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้ตรงกับความต้องการของภาคการผลิต ยกระดับการเจรจาเอฟทีเอที่มีอยู่และเปิดเจรจากรอบใหม่ ตลอดจนช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า.