นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) เปิดเผยว่า ทีทีเอเอ ได้ทำหนังสือส่งไปยังสมาชิกทั่วประเทศ ที่ทำทัวร์เอาต์บาวนด์ หรือนำคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศ จำนวนประมาณ 800 บริษัท หลังจากรัฐบาลปลดล็อกกัญชาและกัญชง ออกจากยาเสพติด ส่งผลให้การผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย เสพ หรือมีไว้ในครอบครอง ซึ่งพืชกัญชาจะไม่มีความผิดในประเทศไทย แต่ในหลายประเทศยังถือเป็นยาเสพติดให้บริษัททัวร์เข้มงวด ดูแลลูกทัวร์ที่จะเดินทางไปต่างประเทศ เพราะหลายประเทศมีโทษถึงประหารชีวิต
“กังวลว่าผู้เฒ่าผู้แก่ อาม่า อาแปะ ที่ติดยาดมยาลม ยาหม่อง น้ำมันนวด หรือยาสามัญประจำบ้าน ที่มีส่วนผสมของกัญชา ที่คนใช้อาจไม่รู้ตัว หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากจะเดินทางไปเที่ยว ต้องตรวจสอบให้ดีว่ามีส่วนผสมของกัญชา หรือไม่ ปัญหานี้ต้องรอบคอบเพราะหากพลาดหลุดเข้าไปในประเทศที่ห้ามอาจติดคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิตได้”
นายเจริญกล่าวว่า การทำทัวร์เอาต์บาวนด์ หรือนำคนไทยไปเที่ยวต่างประเทศเริ่มกลับมาประมาณ 5% หรือประมาณ 600,000 คน จากปี 2562 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ ทั้งผ่านทัวร์และเที่ยวด้วยตัวเองประมาณ 12 ล้านคน สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมทั้งสร้างเม็ดเงินในสมาชิกทีทีเอเอบางส่วน รวมประมาณ 350,000 ล้านบาท จำนวนนักท่องเที่ยวไทยที่เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ จึงยังมีไม่มากนักเนื่องจากมีปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางจำนวนมาก สำหรับปัจจัยที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางเที่ยวต่างประเทศของคนไทย มีทั้งเรื่องเศรษฐกิจ หลายคนตกงาน หลายคนไม่มีโบนัส จากก่อนจะมีการระบาดของโควิด-19 จะมีคนวัยทำงานที่ เป็นนักท่องเที่ยวคนไทยที่จะเก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศ หรือใช้เงินโบนัสไปเที่ยว แต่หลังโควิด-19 ความมั่นคงทางการเงิน ทางการงานไม่มี นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ก็หายไป ปัญหาเงินบาทอ่อนค่า ส่งผลให้ต้นทุนค่าเงินในการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ประมาณ 35-40% จากปี 2562 เงินบาทอยู่ที่ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ช่วงนี้เงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่เกือบ 36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ.