เก็บเงินค่ากลั่นอุดกองทุนน้ำมัน กบน.เคาะขึ้นดีเซลอีกลิตรละ 1 บาทมีผลวันนี้

“สุพัฒนพงษ์” เล็งใช้กฎหมายพลังงานเก็บเงินค่าการกลั่นน้ำมันหน้าโรงกลั่น และโรงแยกก๊าซ เสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมัน และดูแลราคาน้ำมันบางประเภท ขณะที่พลังงานแจงข้อเท็จจริง ค่าการกลั่นไทยไม่ได้สูงกว่าต่างประเทศเป็น 10 เท่า ย้ำขึ้น-ลงตามราคาและความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลก ด้าน กบน. เคาะขึ้นดีเซลอีก 1 บาท มาอยู่ที่ 34.94 บาท

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน เปิดเผยถึงข้อเสนอของพรรคกล้า ที่เสนอให้คุมเพดานค่าการกลั่นน้ำมันเพื่อป้องกันการทำกำไรเกินควร และลดภาระของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงว่า รัฐบาลศึกษาเรื่องนี้มากว่า 1 เดือนแล้ว โดยเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ และคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มาหารือว่าสามารถใช้กฎหมายใดดำเนินการได้บ้าง และได้ข้อสรุปว่าจะใช้กฎหมายกระทรวงพลังงานเพื่อหาวิธีเก็บเงินจากหน้าโรงกลั่นมาชดเชย และดูแลราคาน้ำมันบางประเภท รวมถึงจะเก็บเงินหน้าโรงแยกก๊าซด้วย อย่างไรก็ตาม จะส่งเรื่องนี้ให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความอีกครั้งก่อนส่งเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะมีผลกระทบหลายด้าน รวมทั้งด้านการค้าและการลงทุนที่รัฐบาลในอดีตอาจสัญญากับบริษัทต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทย คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนนี้ และจะบังคับใช้ต่อไป

“ที่พูดกันว่า ค่าการกลั่นสูงถึงลิตรละ 8 บาท แต่คณะทำงานกระทรวงพลังงานรายงานว่า กำไรจากค่าการกลั่นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 5 บาทกว่าต่อลิตร จากราคาเฉลี่ยย้อนหลังปีนี้อยู่ที่ 2-3 บาท และช่วงที่โควิดระบาดต่ำกว่า 1 บาท แต่ตอนนี้สูงกว่าปกติ ก็อาจพิจารณาเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ส่วนที่ผ่านมาไม่ได้เก็บเงินจากค่าการกลั่น เพราะค่าการกลั่นกำไรไม่สูงมาก”

อย่างไรก็ตาม แม้ได้เงินจากการเก็บเงินหน้าโรงกลั่นมาเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงแล้ว ยังจำเป็นต้องกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันอยู่ และมั่นใจว่าจะกู้เงินได้ตามแผน ส่วนการบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากมาตรการที่จะหมดอายุในเดือน มิ.ย.นี้นั้น วันที่ 14 มิ.ย.นี้จะเชิญหน่วยงานเศรษฐกิจมาหารือถึงเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ และแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบาย รวมทั้งมาตรการที่จะช่วยเหลือประชาชน

ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า รัฐบาลทำทุกอย่างเต็มที่ในกรอบที่สามารถทำได้ จะพยายามทำให้ดีที่สุด ทำให้ได้มากที่สุด ภายใต้สถานการณ์ราคาน้ำมันขึ้นเกือบทุกวัน

ขณะที่นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กล่าวว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบน.) เห็นชอบให้ปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซลอีกลิตรละ 1 บาท ส่งผลให้ราคาปรับขึ้นจาก 33.94 บาทต่อลิตร เป็น 34.94 บาทต่อลิตร มีผลวันที่ 14 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป เพราะราคาน้ำมันในตลาดโลกยังสูงอยู่ สำหรับฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 12 มิ.ย. ติดลบ 91,089 ล้านบาท ขณะที่การอุดหนุนน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 9.96 บาทต่อลิตร หากรัฐบาลไม่ช่วยเหลือ วันนี้ราคาดีเซลจริงจะอยู่ที่ 45 บาทต่อลิตร

นายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากกระแสข่าวที่มีการเปรียบเทียบค่าการกลั่นของไทยว่าสูงกว่าต่างประเทศเป็น 10 เท่านั้น อาจไม่ถูกต้อง ค่าการกลั่นเฉลี่ยในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้ (ม.ค.-พ.ค.) อยู่ที่ 3.27 บาทต่อลิตร ขณะที่เดือน พ.ค.อยู่ที่ 5.02 บาทต่อลิตร ยอมรับว่าเพิ่มขึ้นจริง แต่เป็นผลมาจากความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นทั่วโลก ส่งผลต่อราคาน้ำมันและค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น ขณะที่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ค่าการกลั่นเมื่อเทียบกับปี 63-64 ที่เกิดโควิด-19 อยู่ที่ 70-89 สตางค์ต่อลิตร เพราะความต้องการใช้น้ำมันลดลง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับปีอื่นๆ เช่น ปี 55 ค่าการกลั่นอยู่ที่ 2.15 บาทต่อลิตร, ปี 56 อยู่ที่ 2.2 บาทต่อลิตร, ปี 57 อยู่ที่ 2.35 บาทต่อลิตร, ปี 58 อยู่ที่ 2.43 บาทต่อลิตร, ปี 59 อยู่ที่ 1.83 บาทต่อลิตร และปี 60 อยู่ที่ 2.16 บาทต่อลิตร หรือเฉลี่ยอยู่ที่ 2 บาทต่อลิตรมาโดยตลอด และจะปรับเปลี่ยนขึ้นลงตามสถานการณ์ราคาและความ ต้องการใช้ในตลาดโลก.