สมาคมผู้ค้าก๊าซหุงต้มร้องระงม โควิด19 ทำยอดขายตก 10% ชี้อนาคตรายย่อยอยู่ยาก

นายสุรศักดิ์ อยู่คงพัน นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจที่ชะลอตัวจากผลกระทบโควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ภาพรวมตลาดค้าปลีกแอลพีจีมียอดขายตกต่ำเฉลี่ย 10% เทียบกับปลายปีที่ผ่านมา และแนวโน้มร้านจำหน่ายแอลพีจีรายย่อย ก็คงไม่มีการขยายกิจการเพิ่มขึ้น เนื่องจากค่าการตลาด (กำไร)ลดต่ำลงมาก หากเทียบกับต้นทุนที่สูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่ต้องพึ่งพาแรงงานต่างด้าว ขณะเดียวกันกฎระเบียบจากรัฐก็ไม่อำนวยให้ร้านจำหน่ายแอลพีจีเปิดกิจการใหม่ๆเพิ่มขึ้น “ร้านจำหน่ายที่ไม่ใช่ผู้ค้ารายใหญ่ขณะนี้ประคองตัวให้อยู่รอดมากกว่า เพราะอนาคตคาดว่าผู้ค้ารายใหญ่ จะลงมาเล่นในตลาดนี้มากขึ้น โดยเฉพาะการจำหน่ายในภาคขนส่งที่เริ่มเห็นชัดเจนแล้ว”

นายสุรศักดิ์กล่าวว่า นอกจากนี้กรมธุรกิจพลังงานยังกำหนดกฎกระทรวงพลังงาน เรื่องสถานที่เก็บรักษาแอลพีจี ประเภทร้านจำหน่าย ที่บังคับใช้เมื่อ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่กำหนดให้ร้านประเภทตึกแถว-อาคารพาณิชย์ ต้องมีหนังสือยินยอมจากห้องข้างเคียงที่อยู่ติดกันมาประกอบการขอใบอนุญาตเป็นร้านจำหน่ายแอลพีจี โดยต้องมีหนังสือยินยอมจากผู้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในที่ดิน ที่เป็นที่ตั้งของตึกแถวข้างเคียงที่มีผนังร่วมกัน และต้องมีผลจนกว่าจะเลิกประกอบกิจการร้านจำหน่าย รวมถึงร้านจำหน่ายจะต้องติดตั้งระบบป้องกันและระงับอัคคีภัยแบบหัวกระจายน้ำดับเพลิงที่ฉีดน้ำได้ครอบคลุมพื้นที่เก็บถังแอลพีจี เพื่อคุ้มครองผู้บริโภค ฯลฯ เงื่อนไขทั้งหมดนี้ ล้วนทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น และไม่เอื้อให้ร้านค้ารายย่อยที่จะเกิดใหม่

สำหรับการปรับขึ้นราคาแอลพีจี ล่าสุดอีก 1 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) หรือ 15 บาทต่อถัง 15 กก. มีผลตั้งแต่1เม.ย.ที่ผ่านมา ทำให้ราคาขายปลีกปรับจาก 318 บาทต่อถัง15กก. เป็น 333 บาท ประชาชนไม่มีการร้องเรียนมาว่า สินค้ามีราคาแพงขึ้น ชี้ให้เห็นว่าประชาชนยอมรับได้ ส่วนหนึ่งเพราะราคาสินค้าต่างๆได้ขยับราคากันไปแล้ว และเดือน พ.ค.นี้ แอลพีจีจะปรับขึ้นอีก 1 บาทต่อ กก. ขยับไปที่ 363 บาทต่อถัง15กก. ก็คิดว่าประชาชนต้องทำใจในเรื่องนี้ “ปัจจุบันแอลพีจีไม่ใช่สินค้าควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ แต่ร้านค้าต้องติดประกาศราคาแนะนำ ส่วนค่าขนส่งก็ให้คิดตามระยะทาง ที่ผ่านมาประชาชนไม่ได้มีปัญหาอะไร การที่รัฐบาลจะมาตรวจสอบราคาจำหน่ายทั้งค่าขนส่งแบบเข้มข้น ก็เข้าใจได้ แต่อยากแนะนำให้ไปตรวจสินค้าอื่นๆที่มีการขึ้นราคาไปเกินกว่าที่ควรจะเป็นมากกว่า”.