โอมิครอน–ศึกรัสเซีย ยูเครน–ค่าครองชีพพุ่ง ฉุดดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคทรุดลงยกแผง ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และต่ำสุดรอบ 6 เดือน แต่ถ้ารัฐผ่อนคลายต่างชาติเข้าประเทศเต็มที่ เร่งประกาศโควิดเป็นโรคประจำถิ่นในเดือน มิ.ย. มีโอกาสที่ดัชนีดีดขึ้นปลายไตรมาส 2 “พาณิชย์” ตรวจเข้มราคาและปริมาณสินค้า แม่ค้ายังไม่ขึ้นราคาขายอาหารตามสั่ง หลังแก๊สหุงต้มขึ้นราคา
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มี.ค.65 ว่า ดัชนีทุกรายการปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และต่ำสุดในรอบ 6 เดือน โดยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภค อยู่ที่ 42.0 ลดจาก 43.3 ดัชนีเชื่อมั่นในปัจจุบัน อยู่ที่ 26.2 ลดจาก 27.5 และดัชนีเชื่อมั่นในอนาคต อยู่ที่ 49.4 ลดจาก 50.8 สาเหตุที่ดัชนีทุกรายการลดลง มาจากประชาชนกังวลต่อการระบาดของโอมิครอน ประกอบกับความกังวลต่อความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ที่ทำให้ราคาน้ำมันโลก และในประเทศสูงขึ้น ส่งผลให้ความเชื่อมั่นลดน้อยถอยลง และระมัดระวังใช้จ่าย ขณะที่เศรษฐกิจยังชะลอตัว แต่ค่าครองชีพและราคาสินค้าสูง เป็นต้น
“แต่ยังมีสัญญาณบวกที่จะทำให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคฟื้นตัวในช่วงปลายไตรมาส 2 จากผลของการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าประเทศตั้งแต่ 1 เม.ย.65 รวมทั้งลดวันกักตัว ซึ่งช่วยผ่อนคลายการท่องเที่ยวให้กลับมาเป็นแรงหนุนเศรษฐกิจไทยได้ นอกจากนี้ ราคาสินค้าเกษตรอยู่ในระดับสูง การส่งออกเติบโตดี รวมทั้งราคาน้ำมันเริ่มลดลง หลังสหรัฐฯและสหภาพยุโรปปล่อยน้ำมันสำรองออกสู่ตลาด ทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นมากขึ้น และกล้าใช้จ่าย”
อย่างไรก็ตาม หากเร่งประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นในเดือน มิ.ย.65 จากเดิมเดือน ก.ค.65 จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น หรือเพิ่มขึ้นได้ 0.1-0.2% ในช่วงครึ่งปีหลัง แต่ถ้าไม่ประกาศเลย อาจทำให้เศรษฐกิจไทยหดตัวลง 0.5% มูลค่า 70,000-100,000 ล้านบาท พร้อมกันนั้น ต้องติดตามว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ เช่น คนละครึ่ง เฟส 5 จนถึงขณะนี้ศูนย์ยังคงคาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 65 ขยายตัวตามกรอบ 2.5-4% โอกาสสูงที่จะขยายตัวได้มากกว่า 3%
ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์ราคาและปริมาณสินค้า ณ ตลาดบางขุนศรี กรุงเทพฯ และห้างโลตัส สาขาจรัญสนิทวงศ์ ว่า จากการที่รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ร้านค้า ร้านอาหารจำหน่ายสินค้าและบริการได้ตามปกติและประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นการซื้อของกินของใช้ก่อนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาในเทศกาลปีใหม่ไทยที่กำลังมาถึง
สำหรับสินค้าอาหารสดในตลาดบางขุนศรีในภาพรวมราคายังคงทรงตัว เช่น น่องไก่ติดสะโพก กิโลกรัม (กก.) ละ 80 บาท ไข่ไก่เบอร์ 3 แผง (30 ฟอง) ละ 105 บาท หรือฟองละ 3.50 บาท น้ำมันปาล์มขวดละ 65 บาท ผักสดราคาปรับลดลงมาจากสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนอาหารปรุงสำเร็จ ส่วนใหญ่ไม่มีการปรับขึ้นราคาแม้ราคาวัตถุดิบจะปรับขึ้นลงบ้างตามสถานการณ์แต่ละช่วงเวลา
“กรณีที่ก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) มีราคาสูงขึ้นถัง (15 กก.) ละ 15 บาทนั้น แม่ค้าข้าวราดแกง อาหารตามสั่ง และก๋วยเตี๋ยว แจ้งว่าไม่มีผลกับต้นทุนอาหารมากนัก เพราะก๊าซ 1 ถังใช้ทำอาหารได้เป็นจำนวนมาก แทบทุกร้านยังมีเมนูประหยัดให้ลูกค้าเลือกซื้อได้ในราคาจานละ 30-40 บาท เช่น บะหมี่หมูแดง ชามละ 35 บาท ข้าวราดแกงกับ 1 อย่าง 30 บาท กับ 2 อย่าง 40 บาท ข้าวมันไก่ จานละ 40 บาท”
ร้อยตรีจักรากล่าวถึงการลงพื้นที่ห้างโลตัส สาขาจรัญสนิทวงศ์ว่า สินค้าอุปโภคบริโภคและของใช้จำเป็นต่างๆ ไม่มีการปรับขึ้นราคา และมีการจัดโปรโมชันลดราคาสินค้าหลายรายการ เช่น ข้าวสารหอมมะลิบรรจุถุง 5 กก. ซอสปรุงรส ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม สบู่เหลว แชมพู ยาสีฟัน และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการลดราคาทั้งแผนก ทั้งหม้อหุงข้าว เตาไฟฟ้า พัดลม เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น สำหรับสต๊อกและปริมาณสินค้า ผู้จัดการสาขายืนยันว่าไม่มีปัญหา มีการเติมสินค้าบนชั้นวางอย่างต่อเนื่อง โดยได้มีการวางแผนและบริหารจัดการตามที่กรมได้ขอความร่วมมือไว้แล้ว.