นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงการแก้ปัญหาราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ และอาหารสัตว์ราคาแพงว่า เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และปลัดกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือร่วมกับฝ่ายต่างๆ และมีความเห็นร่วมกันที่เป็นข้อเสนอว่าให้ผ่อนปรนมาตรการกำหนดสัดส่วนการนำเข้าข้าวสาลีต่อการซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศ 3 ต่อ 1 เป็นการชั่วคราว เพื่อแก้ปัญหาราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สูงขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน แต่ข้อเสนอยังไม่ได้ข้อยุติ เพราะต้องเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ (นบขพ.) และคณะกรรมการนโยบายอาหาร (อาหารสัตว์) พิจารณาก่อน
“ทั้งหมดยังไม่เป็นที่ยุติ มีแต่ความเห็นว่าจะผ่อนปรนการใช้มาตรการ 1 ต่อ 3 ที่ปัจจุบันกำหนดว่า ถ้าผู้ผลิตอาหารสัตว์จะนำเข้าข้าวสาลี 1 ส่วน จะต้องซื้อข้าวโพดจากเกษตรกรไทย 3 ส่วน เพื่อป้องกันไม่ให้นำเข้าข้าวสาลีมากเกินไปจนทำให้ราคาข้าวโพดในประเทศตกต่ำ ส่วนการจะปรับสัดส่วนนี้หรือไม่ เพื่อเปิดโอกาสให้นำเข้าข้าวสาลีได้มากขึ้น และเวลานี้ข้าวโพดในมือเกษตรกรเกือบไม่มีแล้ว รวมถึงจะปรับสัดส่วนเป็นรูปแบบใด อย่างไร หรือไม่ ต้องหารือกับทุกฝ่ายอีกครั้งหนึ่ง และนำเข้าสู่คณะกรรมการนโยบายระดับชาติ ทั้ง นบขพ.และคณะกรรมการนโยบายอาหารเป็นต้น ก่อน”
ทั้งนี้ แผนดังกล่าวเพื่อช่วยทั้งเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวโพด ผู้เลี้ยงสัตว์ ผู้ประกอบธุรกิจอาหารสัตว์ และผู้บริโภค ที่ขณะนี้ราคาข้าวสาลี ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงขึ้นมาก เช่น ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปกติกิโลกรัม (กก.) ละ 6-7 บาท รัฐบาลประกันรายได้ไว้ที่ กก.ละ 8.50 บาท แต่ล่าสุด กก.ละ 11-12 บาท
นายรังษี ไผ่สอาด นายกสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทยกล่าวว่า ผิดหวังที่ถูก 2 กระทรวงหลอกให้เข้าประชุม แล้วหักหลังกลุ่มเกษตรกร แลกผลประโยชน์กลุ่มนายทุน โรงงานผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ ซึ่งข้อเท็จจริงของการประชุมที่ประชุมยังไม่ได้ลงมติใดๆ มีแต่ข้อเสนอของกลุ่มโรงงานผลิตอาหารสัตว์และปลัดกระทรวง เสนอให้ที่ประชุมพิจารณา แต่สมาคมก็คัดค้าน ไม่ได้เห็นพ้องตามที่มีมติออกไป และยังขอให้กระทรวงพาณิชย์ตรวจสต๊อกอาหารสัตว์สำเร็จรูป และวัตถุดิบสำหรับผลิตอาหารสัตว์ของทุกโรงงาน เพื่อนำมาให้ผู้เข้าร่วมประชุมพิจารณาล่วงหน้า ก่อนการประชุมครั้งถัดไป.