เอกชนมองไทยกำลังเผชิญหน้ากับภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) โดยมีตัวเร่งเป็นการสู้รบระหว่างรัสเซีย–ยูเครน ผวารัสเซียตอบโต้ชาติตะวันตก งดส่งออกสินค้า 200 รายการ ทำห่วงโซ่การผลิตโลกปั่นป่วน ขณะที่ ปุ๋ยราคาแพงกดดันภาคเกษตรทั่วโลกรวมถึงไทย และอาจนำไปสู่ภาวะขาดแคลนอาหารของโลก
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยในงานสัมมนา “Morning Talk” ครั้งที่ 2 “ทิศทางอุตสาหกรรมไทยไปต่ออย่างไร ภายใต้สถานการณ์เงินเฟ้อ” จัดโดยสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ซึ่งเป็นวิกฤติคลื่นลูกใหม่ที่จะมีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากมีปัจจัยการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนเข้ามาเป็นตัวเร่ง จากเดิมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เท่านั้น
ทั้งนี้ แม้ว่าการสู้รบในระยะต่อไปอาจจะจบลงได้ แต่สิ่งที่จะอยู่อีกยาวนานคือ มาตรการคว่ำบาตรที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะล่าสุดที่รัสเซียตอบโต้ด้วยการห้ามส่งออกสินค้า 200 รายการไปจนถึงสิ้นปีนี้ ไปยัง ชาติตะวันตกหรือประเทศที่ไม่เป็นมิตรกับรัสเซีย ซึ่งอาจส่งผลให้ห่วงโซ่การผลิตทั่วโลกปั่นป่วนและขาดแคลน ซึ่งจะยิ่งกดดันภาวะเงินเฟ้อของโลกและประเทศไทยมากขึ้น
นายเกรียงไกรกล่าวว่า ประเทศไทยได้เผชิญกับปัญหาคลื่นเศรษฐกิจ ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงนวัตกรรมดิจิทัล หรือ Digital Disruption สงครามการค้า ภาวะโลกร้อน และโควิด-19 ที่นำมาสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและถูกซ้ำเติมจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ทำให้ราคาน้ำมันโลกสูง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อปัญหาเงินเฟ้อเพราะน้ำมันเป็นต้นทุนสำคัญในการผลิตสินค้า
ขณะเดียวกัน สิ่งที่น่ากังวลคือ การห้ามส่งออกปุ๋ยของรัสเซีย จะกระทบต่อภาคเกษตร กรรมไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ที่ส่วนหนึ่งมีการนำเข้าปุ๋ยจากรัสเซีย แม้ว่าไทยอาจนำ
เข้าจากประเทศอื่นๆทดแทนได้ แต่ในแง่ของราคาปุ๋ยจะสูงขึ้นมาก โดยมีการคาดการณ์ว่าผลกระทบนี้จะส่งผ่านไปยังฤดูเพาะปลูกของภาคเกษตรในปลายปีนี้ และอาจนำไปสู่การขาดแคลนภาวะอาหารของโลกได้เช่นกัน จึงต้องติดตามประเด็นนี้ใกล้ชิด
“ราคาสินค้าที่สูงขึ้นส่งผลให้ค่าครองชีพของคนไทยในภาพรวมให้สูงขึ้นตามไปด้วย เมื่อมีการโยนหินถามทางถึงกรณีการปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับ 400-492 บาทต่อวัน ให้สะท้อนกับภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งยอมรับว่าจำเป็นต้องปรับขึ้น แต่ต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการไตรภาคี และยึดกลไกตลาด มาชี้วัดถึงอัตราและระยะเวลาที่เหมาะสมหากจะมีการขึ้นค่าแรง เพราะต้องคำนึงถึงนายจ้างที่เป็นเอสเอ็มอี ว่าจะแบกรับภาระค่าแรงที่ต้องปรับเพิ่มขึ้นได้หรือไม่ ขณะเดียวกัน เป็นไปได้หรือไม่ที่การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะให้เฉพาะแรงงานไทยเท่านั้น ไม่ต้องปรับขึ้นให้กับแรงงานต่างด้าว”
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานคณะกรรมการธุรกิจอาหารแปรรูป กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลขณะนี้คือปุ๋ยเคมี ที่ราคาจะสูงมากและอาจขาดแคลน เพราะเป็นต้นทุนสำคัญของทุกประเทศที่ทำเกษตรกรรม รวมถึงประเทศไทย เนื่องจากไทยมีการนำเข้าปุ๋ยเคมีจากรัสเซียเป็นหลัก แม้ว่าล่าสุดผู้นำเข้าจะกำลังมองหาการนำเข้าจากประเทศอื่นๆเข้ามาทดแทน เช่น ซาอุดีอาระเบีย
“ปุ๋ยเคมีสามารถปรับเปลี่ยนสูตรการผสมได้ตามการใช้งาน จุดนี้มองว่ารัฐบาลต้องอำนวยความสะดวกในการปรับเปลี่ยนสูตรในช่วงเกิดปัญหาชั่วคราว และอาจให้สมาคมที่เกี่ยวข้องมีการรับรองกันเองได้ เพื่อเป็นการลดต้นทุนการผลิตหรือแก้ไขปัญหารความขาดแคลน ซึ่งจะสามารถลดภาวะเงินเฟ้อได้ส่วนหนึ่ง”.