“คลัง” เกาะติดลดภาษีน้ำมันดีเซล มั่นใจส่งผลดีหนุนเศรษฐกิจฟื้น

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

“คลัง” เกาะติดลดภาษีน้ำมันดีเซล มั่นใจส่งผลดีหนุนเศรษฐกิจฟื้น

Date Time: 19 ก.พ. 2565 07:07 น.

Summary

  • “คลัง” เกาะติดการลดภาษีน้ำมันดีเซลเดือนต่อเดือน เพื่อประเมินการจัดเก็บรายได้รัฐทั้งปี ให้เป็นไปตามเป้าหมายมากที่สุด เชื่อลดภาษีส่งผลดีหนุนเศรษฐกิจฟื้น

Latest

โควิดจบ แต่หนี้ยังไม่หมด เครดิตบูโร เผยลูกหนี้ 2.2 ล้านราย มูลหนี้ 2 แสนล้านบาท รอสะสาง

“คลัง” เกาะติดการลดภาษีน้ำมันดีเซลเดือนต่อเดือน เพื่อประเมินการจัดเก็บรายได้รัฐทั้งปี ให้เป็นไปตามเป้าหมายมากที่สุด เชื่อลดภาษีส่งผลดีหนุนเศรษฐกิจฟื้น สุดท้ายจะทำให้การจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น ด้าน “สรรพสามิต” ยันลดภาษีน้ำมันไม่กระทบเป้ารายได้ คาดทั้งปียังทำได้ 5.6 แสนล้านบาท ย้ำไม่ขึ้นภาษีตัวอื่นเพื่อทดแทนรายได้ภาษีน้ำมันดีเซล

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติปรับลดภาษีน้ำมันดีเซลลงเพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชน เชื่อว่าจะมีผลดีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศด้วย เมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ประชาชนมีการจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น ก็จะส่งผลให้ธุรกิจกลับมาดำเนินกิจการได้ แม้ยังไม่ปกติเหมือนก่อนเกิดโควิด แต่จะทยอยดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

นายอาคมกล่าวว่า การจัดเก็บรายได้ 4 เดือนยังสูงกว่าปีที่ผ่านมา แม้จะไม่มากเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้กังวล เมื่อใดที่ต้องลดภาษี เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระประชาชน กระทรวงการคลังก็พร้อมดูแล อย่างไรก็ตาม กระทรวงการคลัง จะเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยจะประเมินสถานการณ์เดือนต่อเดือน เพื่อวิเคราะห์และประเมินการ

จัดเก็บรายได้ของรัฐทั้งปี ให้เป็นไปตามเป้าหมายมากที่สุด โดยขณะที่ยังคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจปีนี้ไว้ที่ 4% เช่นเดิม เนื่องจากโควิดเริ่มคลี่คลาย กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาคึกคักแล้ว แต่ยังคงต้องเกาะติดสถานการณ์โควิดต่อเนื่อง รวมถึงสถานการณ์ต่างประเทศด้วยเพราะมีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจประเทศ

ด้านนายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพ สามิต กล่าวว่า ปีงบประมาณ 2565 กรมสรรพสามิตมีเป้าหมายการจัดเก็บรายได้ตามเอกสารงบประมาณ อยู่ที่ 597,000 ล้านบาท แต่ได้ขอปรับเป้าการจัดเก็บรายได้ลงเหลือ 560,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย แม้จะสูญเสียรายได้จากการปรับลดภาษีน้ำมันดีเซลลิตรละ 3 บาท 3 เดือน คิดเป็นเงิน 17,000 ล้านบาทก็ตาม

นายลวรณกล่าวต่อว่า ปีนี้กรมสรรพสามิต จะไม่มีนโยบายจัดเก็บภาษีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่เข้ามาทดแทนรายได้ที่สูญเสียไป และจะไม่มีการขึ้นอัตราภาษีอื่นๆ เนื่องจากไม่ต้องการให้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เพราะเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว และหากปี 2565 นี้ เป็นช่วงสุดท้ายของโควิด และไม่มีการล็อกดาวน์อีก เชื่อว่าแนวโน้มการจัดเก็บภาษีดีขึ้นแน่นอน ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันกรมสรรพสามิตได้เพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาควบคุมและป้องกันปราบปรามน้ำมันเถื่อน เพื่อลดการใช้ดุลพินิจของคน ซึ่งมีระบบยืนยันตัวตน เชื่อมโยงระบบเทคโนโลยีกับสมาคมประมงไทย เพื่อลดการสวมสิทธิการเติมน้ำมันเขียว โดยมีชาวประมงที่เป็นสมาชิกกว่า 8,000 ราย เชื่อว่าจะสามารถจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น จากที่ผ่านมามีการยกเว้นการจัดเก็บภาษี ปีละ 4,000 ล้านบาท

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ว่า ที่ประชุมได้วางแนวทางบริหารราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลภายหลังจาก ครม. อนุมัติให้ลดการเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลไปถึงเดือน พ.ค.นี้ มีผลทำให้ภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล จากเดิมจัดเก็บ 5.99 บาท/ลิตร ปรับลงเป็น 3.20 บาท/ลิตร หรือลดลง 2.79 บาท/ลิตร โดย กบน. มีมติลดภาระค่าน้ำมันดีเซลให้ประชาชน 2 บาท/ลิตร ทำให้ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลดลงมาจาก 29.94 บาท/ลิตร เหลือ 27.94 บาท/ลิตร และอีกส่วนหนึ่งจะนำมาเสริมสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อให้สามารถดูแลราคาน้ำมันดีเซลไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร “ราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล นับจากนี้ไปอาจมีการเรียกเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ หรือมีการชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯเพิ่มขึ้นหรือลดลงตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกอีกด้วย”

สำหรับสภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ประจำเดือน ก.พ.นี้ พบว่า มีรายจ่ายเดือนละ 8,191 ล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายเพื่อชดเชยราคาน้ำมันเดือนละ 6,117 ล้านบาท และรายจ่ายชดเชยราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เดือนละ 2,075 ล้านบาท ล่าสุด ณ วันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา กองทุนมีฐานะ ติดลบ 18,151 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน 7,610 ล้านบาท และบัญชีก๊าซหุงต้ม ติดลบ 25,761 ล้านบาท.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ