คิกออฟจ่ายส่วนต่าง เงินประกัน ข้าว-ยางพารา

คิกออฟจ่ายเงินส่วนต่างข้าว-ยาง 9 ธ.ค. พร้อมกันทั่วประเทศ “จุรินทร์” เผยช่วงครึ่งปีหลังส่งออกข้าวดีขึ้น เดือนละ 8 แสนตัน รวมทั้งปีอาจถึง 6 ล้านตันชี้นโยบายประกันรายได้เกษตรกรพยุงราคาพืชผลจนสูงกว่าเกณฑ์ประกันแล้วหลายตัวทั้งข้าวโพด-ปาล์มน้ำมัน-มันสำปะหลัง

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. เวลา 08.00 น. ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ พร้อมด้วยนายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายปราโมทย์ เจริญ ศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย และผู้แทนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แถลงข่าวการจ่ายเงินประกันรายได้ข้าว-ยาง นายจุรินทร์กล่าวว่า นโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ดำเนินการมาแล้ว 2 ปี ปีนี้ถือเป็นปีที่ 3 สำหรับการประกันรายได้ข้าวกับยางนั้น รัฐบาลได้ค้างจ่ายเงินส่วนต่างที่จะต้องจ่ายให้กับเกษตรกร เพื่อชดเชยกับราคาตลาดที่ไม่ถึงรายได้ที่ประกัน ข้าวค้างจ่าย 5 งวด และยางค้างจ่าย 2 งวด แต่หลังจากท่านนายกรัฐมนตรีขยายเพดานตาม พ.ร.บ.การคลัง เมื่อวันที่ 24 พ.ย.2564 มีผลให้เพดานเพิ่มขึ้นจาก 30% เป็น 35% สามารถนำเงินที่มีอยู่มาจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกร ผู้ปลูกข้าวกับยางพาราได้

นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับข้าวปีที่ 3 เงินที่เกษตรกรจะได้รับ มี 3 ก้อน ก้อนที่ 1 คือเงินส่วนต่าง โดยงวดที่ 1-2 กับงวดที่ 3 บางส่วน ได้จ่ายให้กับเกษตรกรไปแล้ววงเงินประมาณ 13,000 ล้านบาท ส่วนงวดที่ 3 ที่เหลือจะมาจ่ายให้ครบโดยเริ่มจ่ายวันที่ 9 ธ.ค.2564 จ่ายงวดที่ค้างอยู่ 5 งวดพร้อมกัน คืองวดที่ 3 บางส่วน และงวด 4-7 รวมเป็นเงิน 64,847 ล้านบาท ส่วนงวดที่ 8 จะจ่าย วันที่ 14 ธ.ค. เป็นเงิน 3,720 ล้านบาท และงวดที่ 9-33 จะทยอยจ่ายทุก 7 วันจนครบ งวดสุดท้ายวันที่ 27 พ.ค. 2565 เงินก้อนที่ 2 คือเงินในมาตรการคู่ขนาน เป็นเงินช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่เข้าร่วมโครงการ เช่น เก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางเป็นเวลา 5 เดือนเพื่อ
ไม่ให้ข้าวออกสู่ตลาดมากจนเกินไป ช่วยตันละ 1,500 บาท หรือสหกรณ์เก็บไว้จะช่วยตันละ 1,500 บาท และช่วยเหลือดอกเบี้ย ถ้าสหกรณ์เก็บข้าว 12 เดือน ช่วยดอกเบี้ย 3% ถ้าโรงสีเก็บข้าว 6 เดือน จะช่วยดอกเบี้ย 3% ก้อนที่ 3 คือ ช่วยค่าบริหารจัดการหรือปรับปรุงคุณภาพข้าว ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ต่อครัวเรือน สูงสุดไม่เกิน 20,000 บาท จ่ายวันที่ 13 ธ.ค.2564 เป็นต้นไป เป็นเงิน 53,871 ล้านบาท ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 4.7 ล้านครัวเรือน

นายจุรินทร์กล่าวว่า สำหรับยางพาราจะเริ่มจ่ายงวดที่ 1-2 วันที่ 9 ธ.ค.2564 งวดที่ 1 วงเงิน 900 ล้านบาท งวดที่ 2 วงเงิน 540 ล้านบาท รวม 1,440 ล้านบาทโดยประมาณ และจะจ่ายงวดที่ 3-6 ทุกเดือน จนถึงเดือน เม.ย.2565 งวดที่ 3 จะเริ่มจ่ายวันที่ 7 ม.ค.2565 วงเงิน 8,626 ล้านบาท สำหรับยางพารามีเงินเตรียมไว้ 10,065 ล้านบาท ยางราคาดีกว่าช่วงก่อน สำหรับน้ำยางข้น ประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 57 บาท ตอนนี้ราคาไปกิโลกรัมละ 60 บาทแล้ว ยางก้อนถ้วยประกันที่กิโลกรัมละ 23 บาท ตอนนี้ 25-26 บาทแล้ว สูงกว่าราคาประกันมาเป็นปีแล้ว
นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า สำหรับข้าวแห้งที่ความ ชื้นไม่เกิน 15% ราคาข้าวเปลือกเจ้าขณะนี้ขึ้นไป 7,700-8,100 บาทแล้ว การส่งออกก็ดีขึ้น ครึ่งปีหลังส่งออกข้าวได้เยอะ ครึ่งปีแรกเดือนละ 400,000-500,000 ตัน ตอนนี้เดือนละ 700,000-800,000 ตัน อาจทำได้ทั้งปีถึง 6,000,000 ตัน เพราะเราสามารถแข่งขันเรื่องราคาได้จากค่าเงินบาทที่อ่อนลง และมาตรการอื่นๆที่ช่วยกันทำงานกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ช่วยให้ประสบความสำเร็จมากขึ้น

“วันนี้ถือเป็นวัน Kick Off การจ่ายเงินส่วนต่างให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและผู้ปลูกยางพาราพร้อมกัน พืชอีก 3 ชนิดสูงกว่ารายได้ที่ประกันแล้ว สำหรับข้าวโพดประกันรายได้ที่ 8.50 บาท ตอนนี้ 9.60 บาท ปาล์มน้ำมันประกันที่ 4 บาท ตอนนี้ราคา 8-9 บาท และมันสำปะหลังประกันที่ 2.50 บาท ก็ไป 2.50-2.70 บาท ตอนนี้ราคาพืชเกษตรที่ประกันราคาดีเกือบทุกตัว ยกเว้นข้าว แต่ปีก่อนราคาข้าวเปลือกเจ้าดีพอสมควร แตะ 10,000 บาท”