นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ที่สำรวจจากประชาชนทั่วประเทศ 2,245 คน และดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ที่สำรวจจากหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ 369 ตัวอย่างว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือน ต.ค.64 ดีขึ้นทุกรายการ ซึ่งเป็นการดีขึ้นติดต่อกัน 2 เดือน และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือนนับจากเดือน มิ.ย.64 โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม อยู่ที่ 37.8 เพิ่มจาก 35.5 ในเดือน ก.ย.64
สาเหตุมาจากการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 29 จังหวัดเพิ่มเติม การลดเวลาเคอร์ฟิว ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานเริ่มกลับมา ประชาชนคลายกังวลในสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 และการประกาศเปิดประเทศ รวมถึงการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท ส่งผลทางจิตวิทยาในเชิงบวกต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่คาดว่า จะทำให้การจับจ่ายใช้สอยของคนไทยและการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังจะมีการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะมีมากขึ้นในช่วงปลายปี รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ที่จะเข้ามาหมุนเวียนเพิ่มเติมในระบบเศรษฐกิจกว่า 100,000 บาท ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทย และการจ้างงานดีขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นทั้งในปัจจุบันและอนาคตปรับตัวสูงขึ้นมาก ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ดีขึ้นทุกรายการเช่นกัน
โดยดัชนีเดือน ต.ค.64 อยู่ที่ 19.9 เพิ่มจาก 19.4 ในเดือน ก.ย.64 เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 7 เดือนนับจากเดือน เม.ย.64 ดัชนีเชื่อมั่นในปัจจุบัน อยู่ที่ 8.6 เพิ่มจาก 8.3 และดัชนีเชื่อมั่นในอนาคต อยู่ที่ 31.2 เพิ่มจาก 30.4 ซึ่งเป็นผลจากการคลายล็อกดาวน์ และการเปิดประเทศ แต่การที่ดัชนีในปัจจุบันยังต่ำมาก เพราะผู้ประกอบการยังกังวลการระบาดของโควิด น้ำท่วมหลายพื้นที่ เสถียรภาพและสถานการณ์การเมือง สภาพคล่องหลังเปิดกิจการ เพราะในช่วงที่หยุดกิจการในช่วงล็อกดาวน์ ไม่มีเงินเข้ามาเลย.