ปีนี้เศรษฐกิจฟื้นตัวกันทั่วโลก

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ปีนี้เศรษฐกิจฟื้นตัวกันทั่วโลก

Date Time: 17 ก.พ. 2564 05:05 น.

Summary

  • จีดีพีปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.5–3.5% เฉลี่ย 3% ลดลงจากคาดการณ์เดิม 3.5–4.5% เศรษฐกิจไทยยังไม่กลับเข้าสู่ศักยภาพเต็มที่ ยังมีปัญหาความเสี่ยงอยู่มากรวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นในไตรมาส 1

Latest

เศรษฐกิจไทย ไม่นับ “ภาคการท่องเที่ยว” อยู่ในภาวะ “ถดถอย” ไปแล้ว


คุณดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒน์ แถลงตัวเลขเศรษฐกิจไทยล่าสุด เมื่อวันจันทร์ จีดีพีไตรมาส 4 ปี 63 ติดลบเพิ่มอีก 4.2% จากไตรมาส 3 ที่ติดลบไป 6.4% ส่งผลให้จีดีพีปี 2563 ติดลบ 6.1% แย่ที่สุดในรอบ 22 ปี นับตั้งแต่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้งผลกระทบจากโควิด–19 ทำให้กระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในประเทศ ส่วนจีดีพีปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.5–3.5% เฉลี่ย 3% ลดลงจากคาดการณ์เดิม 3.5–4.5% เศรษฐกิจไทยยังไม่กลับเข้าสู่ศักยภาพเต็มที่ ยังมีปัญหาความเสี่ยงอยู่มากรวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นในไตรมาส 1 ปีนี้ด้วย อนาคตไม่ค่อยสดใสเท่าไร ถ้ารัฐบาลยังทำงานไร้ประสิทธิภาพแบบนี้

ปัจจัยที่สนับสนุนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว 2.5–3.5% ในปี 2564 มาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเป็นหลัก ส่งผลให้การส่งออกปี 64 ขยายตัวได้ 5.8% รวมทั้งการใช้จ่ายภาครัฐ กำลังซื้อในประเทศ และการปรับตัวตามฐานจีดีพีที่ต่ำผิดปกติในปี 63

สรุปคือ เศรษฐกิจไทยปี 64 ยังติดลบ เมื่อเทียบกับจีดีพีปี 2562 ก่อนเกิดโควิด ซึ่งขยายตัวต่ำมากอยู่แล้วเพียง 2.3% เท่านั้น แล้วมาติดลบอีก 6.1% ในปี 63 และคาดว่าจะขยายตัว 3% ในปี 64 เมื่อเทียบจีดีพีย้อนกลับ แม้ปี 64 จะขยายตัว 3% ก็ยังติดลบเมื่อเทียบกับจีดีพีปี 63 และติดลบหนักขึ้นไปอีกเมื่อเทียบกับจีดีพีปี 62 ก่อนเกิดโควิด สะท้อนถึง ประสิทธิภาพการบริหารเศรษฐกิจของ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ภายใต้ รัฐธรรมนูญ 2560 ที่บิดเบือนกลไกประชาธิปไตย ทำให้กลไกประเทศไทยล้าหลัง ตั้งแต่การเมืองยันเศรษฐกิจขับเคลื่อนลำบาก

เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านอาเซียนด้วยกัน ต้องยกนิ้วให้ เวียดนามเก่งที่สุด จีดีพีปี 2563 ยังขยายตัวได้ 2.9% เพียงประเทศเดียว รองลงมา อินโดนีเซีย ติดลบ 2.1% มาเลเซีย ติดลบ 5.6% สิงคโปร์ ติดลบ 5.8% ไทย ติดลบ 6.1% ฟิลิปปินส์ ติดลบ 9.5% แต่จีดีพีปี 2564 เศรษฐกิจเพื่อนบ้านอาเซียนพลิกฟื้นกลับมาอย่างรวดเร็ว มาเลเซีย ขยายตัว 6.4% เวียดนาม ขยายตัว 6.2% ฟิลิปปินส์ ขยายตัว 6.1% อินโดนีเซีย ขยายตัว 6% ไทย ขยายตัว 3% แย่ที่สุด

แม้แต่ สหรัฐฯ ซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก มีผู้ติดเชื้อโควิด–19 มากที่สุดในโลก เศรษฐกิจเสียหายมากที่สุด จีดีพีปี 63 หดตัวติดลบไปถึง 3.5% ทำให้มูลค่าจีดีพีสหรัฐฯหายไปกว่า 632,000 ล้านดอลลาร์ (มากกว่าจีดีพีประเทศไทย 509,200 ดอลลาร์) ข้อมูล สภาพัฒน์ ระบุว่า ปี 2564 เศรษฐกิจสหรัฐฯจะพลิกกลับมาขยายตัวสูงถึง 4.8% นับเป็นอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงสุดในรอบ 16 ปี และเป็นการปรับเพิ่มจากการขยายตัวร้อยละ 3.4 จากการประมาณการครั้งก่อน ตามแนวโน้มการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทั้งการผลิต การใช้จ่ายในประเทศ และ ความคืบหน้าของการกระจายการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด–19 ให้แก่ประชาชนทั่วประเทศ

สหรัฐฯ เริ่มกระจายการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2563 ตัวเลขล่าสุดวันจันทร์ที่ 15 ก.พ. สหรัฐฯฉีดวัคซีนไปแล้ว 53.8 ล้านโดส มีศักยภาพในการฉีดวัคซีนวันละ 1.68 ล้านโดส เพิ่มจาก 1.47 ล้านโดส ในเดือนมกราคม อีก 6 เดือน สหรัฐฯจะฉีดวัคซีนให้ชาวอเมริกันครบ 330 ล้านคน เมื่อนั้นกิจกรรมเศรษฐกิจสหรัฐฯจะกลับเข้าสู่โหมดปกติ แต่ไทยยังไม่ฉีดสักเข็ม

เศรษฐกิจยูโรโซน ปี 2563 ก็ติดลบไปร้อยละ 6.8 แต่ปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.3 เศรษฐกิจจีน ปี 2563 ขยายตัวร้อยละ 2.3 แต่ปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 7.7 จากความสำเร็จในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด–19 ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว

เห็นตัวอย่าง การฟื้นตัวของเศรษฐกิจเพื่อนบ้านอาเซียน และประเทศมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกอย่าง สหรัฐฯ จีน ยูโรโซน แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรจะพิจารณาตัวเองและผลงานของรัฐบาลบ้างนะครับ มีประสิทธิภาพแค่ไหน.

“ลม เปลี่ยนทิศ”


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ