วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะนำคณะรัฐมนตรีไปทดลองนั่ง รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง บางซื่อ–รังสิต ระยะทาง 21.6 กม. ก่อนเปิดให้ประชาชนลองใช้ในเดือนมีนาคม 2564 และเปิดใช้จริงปลายปี 2564 รถไฟฟ้าสั้นๆสายนี้ใช้เวลาก่อสร้างโครงการตั้งแต่ ครม.อนุมัติเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ.2550 จนถึงวันเปิดใช้จริงปลายปี 2564 เบ็ดเสร็จใช้เวลาในการดำเนินการก่อสร้างนานถึง 14 ปีเต็ม เฉลี่ยสร้างได้ปีละ 1.5 กม. ที่น่าช้ำใจคนไทยกว่านั้น รัฐบาลยังได้เพิ่มงบประมาณก่อสร้างให้เรื่อยๆ จากจุดเริ่มต้นโครงการ 59,888 ล้านบาท เป็นกู้เงินจากไจก้าญี่ปุ่น 24,000 ล้านบาท วันนี้ปาเข้าไปกว่า 110,000 ล้านบาทแล้ว เพิ่มขึ้นเท่าตัวมันเป็นไปได้อย่างไร?
แต่ ไม่มีข้าราชการและนักการเมืองถูกร้องสักคน ไม่รู้จะเรียกโครงการนี้ว่าอะไรดี
การก่อสร้างเริ่มในต้นปี 2556 กำหนดเวลาก่อสร้าง 4 ปี เสร็จปี 2560 ระหว่างการก่อสร้างได้มีการ “แก้แบบ-ออกแบบใหม่-ขยายชานชาลายาวขึ้น” เป็นรัฐบาลไหนบ้างไปไล่ไทม์ไลน์ดูได้ ข้อมูลจาก “วิกิพีเดีย” สารานุกรมเสรีระบุว่า ปี 2557 การรถไฟฯได้ของบเพิ่มอีก 8,140 ล้านบาท เพื่อเปลี่ยนเป็น 4 ราง จากเดิมที่ออกแบบไว้ 3 ราง ให้ออกแบบสถานีใหม่ทั้งหมด และ ให้ขยายชานชาลาสถานีบางซื่อให้ยาวขึ้น
วิกิพีเดีย ตั้งข้อสังเกตว่า งบโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงระยะที่ 1 ได้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากความล่าช้าและการออกแบบใหม่ ปี 2550 เริ่มต้นที่ 59,890 ล้านบาท ปี 2552 เพิ่มเป็น 75,555 ล้านบาท ปี 2555 เพิ่มเป็น 80,380 ล้านบาท วันที่ 16 มกราคม 2563 คุณวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการการรถไฟฯ แถลงว่า บอร์ดรถไฟเห็นชอบเพิ่มงบลงทุนระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ–รังสิต อีก 10,000 ล้านบาท รวมเบ็ดเสร็จ รถไฟฟ้าสีแดงสายนี้ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 110,000 ล้านบาท เฉลี่ย กม.ละ 5,092 ล้านบาทเศษ ถ้ารวม ค่าโง่โฮปเวลล์ อีก 11,888 ล้านบาท เบ็ดเสร็จ 121,888 ล้านบาท ยังไม่รู้จะต้องเพิ่มงบอีกเพื่อเดินรถจริงหรือไม่
คำถามในฐานะประชาชนผู้เสียภาษีก็คือ รัฐบาล ข้าราชการ นักการเมือง พวกท่านทำกับประเทศไทยอันเป็นที่รักของคนไทยทุกคนอย่างนี้ได้อย่างไร ทำไม สตง.สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และ ป.ป.ช. จึงไม่เข้าไปตรวจสอบความโปร่งใส ทั้งที่มีการเพิ่มงบจาก 59,000 กว่าล้านบาท เป็น 110,000 ล้านบาท และ ใช้เวลาก่อสร้างมานานถึง 14 ปี ถ้านับรวมโฮปเวลล์ที่เป็นจุดเริ่มต้นด้วยก็ใช้เวลาถึง 32 ปี พวกท่านรักประเทศไทยหรือไม่ครับ
วันเดียวกับที่ โฆษกสำนักนายกฯ แถลงข่าว นายกฯจะไปทดลองนั่งรถไฟฟ้าสายสีแดง ก็มีข่าวจาก ประเทศจีน รายงานว่า การรถไฟจีนเพิ่งฉลองความสำเร็จการสร้างทางรถไฟฟ้าสายที่ยากลำบากที่สุด 435 กม. เชื่อม กรุงลาซาล กับ เมืองหลินจือ ในเขตปกครองตนเองทิเบต ซึ่งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3,000 เมตร คนงานกว่า 2 หมื่นชีวิตต้องใช้ออกซิเจนช่วยหายใจ มีการระเบิดภูเขาเพื่อสร้างอุโมงค์ถึง 47 แห่ง สะพานข้ามเขาอีก 120 สะพาน เริ่มก่อสร้าง ปี 2014 (พ.ศ.2557) เสร็จสมบูรณ์ในครึ่งปีแรกของปีนี้ 2020 (พ.ศ.2563) จะเปิดใช้งานจริงในปีหน้า 2021 พ.ศ.2564 วิ่งด้วยความเร็ว 160 กม.ต่อชั่วโมง
เทียบกับไทย รถไฟฟ้าสายสีแดง 21.6 กม. สร้างบนพื้นที่ราบไม่มีอุโมงค์ไม่มีภูเขา ไทยใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 8 ปี ระหว่างก่อสร้างก็อนุมัติงบเพิ่มเท่าตัว ไม่มีใครร้อง ไม่มีใครสอบ ราบรื่นไปหมด จีนสร้างรถไฟฟ้าบนที่ราบสูง 3,000 เมตรจากน้ำทะเล คนงานต้องใช้ออกซิเจนช่วยหายใจ ต้องระเบิดภูเขา เจาะอุโมงค์ สร้างสะพาน ระยะทาง 435 กม. ใช้เวลาสร้าง 7 ปี เฉลี่ยสร้างได้ปีละ 62 กม. เทียบกับปีละ 1.5 กม.ของไทย
ผมคิดว่า รัฐบาลควรพิจารณาตัวเองเสียหน่อยก็ดีนะครับ การทำโครงการที่ล่าช้าแบบนี้ สร้างความเสียหายแก่ชาติบ้านเมืองขนาดไหน ทั้ง เศรษฐกิจจริง และ โอกาสทางเศรษฐกิจ รัฐบาลควรจะ “รักชาติ” ด้วยการกระทำ ไม่ใช่การเรียกร้องอย่างเดียว.
“ลม เปลี่ยนทิศ”