
ใครผ่านไปมาแถวหลังสวนจตุจักร หรือขับรถบนทางด่วนผ่านแถวบางซื่อ จะต้องเห็นความเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ดังกล่าวจากเดิมเป็นสถานีรถไฟบางซื่อขนาดย่อม ที่ให้บริการรถไฟสายทางไกลวิ่งผ่านมาจากสายเหนือและสายใต้ และแนวรางรถไฟเกือบ 100 รางไขว้ไปไขว้มาบริเวณนั้น
มาบัดนี้ สถานีบางซื่อเปลี่ยนไปจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม หลังผ่านพ้นกระบวนการก่อสร้างมา 10 ปีเต็ม (ตอกเสาเข็มในสมัยนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อปี 2553) สถานีรถไฟแบบเก่าได้หายไป แทนที่ด้วยความใหญ่โตโอ่โถงของสถานีบางซื่อโฉมใหม่ อาคารขนาดใหญ่สูงกว่า 4 ชั้นขนานไปกับทางด่วน มีรางรถไฟวิ่งเข้าอาคาร หากมองลงมาเบื้องล่างจะเห็นภูมิสถาปัตย์ที่ออกแบบอย่างสวยงาม มีทั้งสวน โรงซ่อมรถไฟ พร้อมชื่อใหม่ “สถานีกลางบางซื่อ” (Bang Sue Grand Station)
สถานีแห่งนี้จะว่าไปก็คือ “สถานีหัวลำโพง” ที่จะย้ายไปให้บริการ ณ สถานีบางซื่อ เนื่องจากปัจจุบันหัวลำโพงค่อนข้างคับแคบ ตั้งอยู่กลางเมืองขยับขยายไม่ได้ และยังเป็นโบราณสถาน อยู่ในเกาะรัตนโกสินทร์ชั้นใน ที่สำคัญเมื่อรถไฟเข้ามาที่หัวลำโพง ทำให้การจราจรในเขตเมืองติดขัดหนัก เนื่องจากมีจุดตัดทางรถไฟมาก
จึงเป็นที่มาที่รัฐบาลหลายๆยุคตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมาพยายามผลักดันให้ย้ายสถานีรถไฟหัวลำโพงออกมาอยู่ที่สถานีรถไฟบางซื่อแทน จนมาล่าสุดมาในยุคนี้ที่มี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี มี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็น รมว.คมนาคม
“สถานีกลางบางซื่อ” ก่อสร้างเกือบแล้วเสร็จ 100% พร้อมที่จะเปิดใช้งานจริงในปี 64 โดยสถานีแห่งนี้จะเป็นสถานีรถไฟหลักแห่งใหม่ของไทย ที่จะรวมรถไฟในทุกๆระบบแบบครบรสชาติมาให้บริการในที่แห่งเดียวทั้งรถไฟความเร็วสูง, รถไฟทางไกล สายเหนือ อีสาน ใต้ ตะวันออก ตะวันตก, รถไฟสายสีแดง, แอร์พอร์ตเรลลิงก์ และยังเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้ามหานครด้วย
ทีนี้มาดูกันว่า “สถานีกลางบางซื่อ” ซึ่งตั้งอยู่บนขนาดพื้นที่ 120 ไร่นั้น มีหน้าตาเป็นอย่างไรและมีอะไรบ้าง...ซึ่งต้องบอกไว้ก่อนเลยว่า...ไม่ธรรมดา ขนาดเห็นด้านนอกยังร้องว้าวว!!!...พอเข้ามาด้านในยิ่งต้องร้องว้าวดังกว่า...
นั่นเป็นเพราะ “สถานีกลางบางซื่อ” แห่งนี้เป็นอาคารสูงใหญ่เด่นตระหง่าน 4 ชั้น มีพื้นที่ใช้สอยรวมกว่า 255,562 ตารางเมตร ก้าวเท้าเข้ามาภายในชั้นที่ 1 ชั้นนี้เป็นชั้นจำหน่ายตั๋ว พื้นที่รอรถ และร้านค้าเชิงพาณิชย์
เมื่อซื้อตั๋วเดินทางแล้ว ทีนี้มาดูว่าซื้อตั๋วเพื่อเดินทางไปไหน หากจะเดินทางไปชานเมืองหรือรถไฟทางไกล ก็ให้ขึ้นไปชั้น 2 ของอาคาร ซึ่งจะมีทั้งบันได บันไดเลื่อน และลิฟต์ให้บริการ พอมาชั้น 2 ก็ต้องบอกว่าอย่ามัวตะลึง เพราะสถานีใหม่นั้นโอ่โถงบนพื้นที่ใช้สอยกว้างกว่า 42,000 ตารางเมตร เป็นพื้นที่ชานชาลารถไฟชานเมือง 4 ชานชาลา และรถไฟทางไกล 8 ชานชาลา
แต่หากจะเดินทางไปนั่งรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน, รถไฟแอร์พอร์ตเรลลิงก์ ต้องขึ้นไปที่ชั้น 3 ที่ซึ่งผู้โดยสารจะต้องละลานตาไปกับชานชาลา 12 จุด แต่โปร่งโล่งสบายมาก สังเกตป้ายจะเห็นชัดเจนว่าชานชาลารถไฟความเร็วสูงหรือรถไฟแอร์พอร์ตเรลลิงก์ไปทางไหน
ส่วนคนที่เดินทางมาด้วยระบบรถไฟฟ้ามหานครหรือรถไฟใต้ดินสายสีน้ำเงิน เส้นทางหัวลำโพง-บางซื่อ หรือรถไฟฟ้าสีม่วง บางซื่อ-เตาปูน-บางใหญ่ และอยากเชื่อมมาเพื่อต่อรถไฟไปต่างจังหวัดหรือรถไฟความเร็วสูง มาที่นี่ต้องบอกว่าสบายมาก แค่เดินทางเชื่อมใต้ดินจากสถานีรถไฟบางซื่อเดินมาแค่ 200 เมตร ก็มาถึงชั้นใต้ดินของสถานีกลางบางซื่อแล้ว
เช่นเดียวกัน หากใครขับรถมา อยากเดินทางต่อไปในระบบรถไฟต่างๆก็สุดแสนจะสะดวก เพราะสถานีกลางบางซื่อมีที่จอดรถชั้นใต้ดินให้บริการกว่า 1,600 คัน ส่วนคนที่เดินทางมาด้วยระบบขนส่งโดยสารสาธารณะ ก็แสนจะไม่ลำบาก เพราะมีรถเมล์ ขสมก. วิ่งเข้ามาบริการถึงด้านใน ส่วนคนที่มาด้วยรถแท็กซี่สาธารณะก็สบายใจได้ เพราะการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เตรียมลานจอดรถแท็กซี่ไว้ให้บริการกว่า 262 คัน
งานนี้บอกเลยว่า “สถานีกลางบางซื่อ” ของไทย ถือว่าเป็น “Grand Station” แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ณ ขณะนี้ และยังเป็นชุมทางรถไฟที่มีขนาดใหญ่สุดในอาเซียน ไม่ต่างจากสถานีกลางรถไฟในต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา หรือประเทศในแถบยุโรป ที่มีสถานีรถไฟครบทุกระบบแบบนี้
ตามที่กระทรวงคมนาคมบอกไว้ จะเปิดให้ประชาชนทั่วไปแบบเฉพาะกลุ่ม มาลองใช้บริการทดสอบระบบในเดือน มี.ค.64 และเปิดให้ประชาชนทั่วไปทดลองใช้บริการฟรีในเดือน มิ.ย.-ส.ค.64 และเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ประมาณปลายปี 64.
สุรางค์ อยู่แย้ม