อุทยานฯ รายได้ลดลง 900 ล้าน นักท่องเที่ยวหนี "โควิด-19" ระบาด

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

อุทยานฯ รายได้ลดลง 900 ล้าน นักท่องเที่ยวหนี "โควิด-19" ระบาด

Date Time: 10 พ.ย. 2563 15:00 น.

Summary

  • ทั่วโลกเจอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การเดินทางลดลง และอุทยานแห่งชาติประกาศปิดท่องเที่ยวนับตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.2563 มาเริ่มเปิดท่องเที่ยวอีกครั้งในวันที่ 1 ก.ค.2563

Latest

“พราวกรุ๊ป” เจาะตลาดรัสเซีย เน้นนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก

ทั่วโลกเจอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การเดินทางลดลง และอุทยานแห่งชาติประกาศปิดท่องเที่ยวนับตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.63 มาเริ่มเปิดท่องเที่ยวอีกครั้งในวันที่ 1 ก.ค.2563

เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 63 นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า รายได้จากค่าบริการค่าเข้าอุทยานแห่งชาติทั้ง 155 แห่ง โดยตั้งแต่ปีงบประมาณ 2558 จนถึงช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 รายได้อุทยานฯเพิ่มขึ้นทุกปี จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2558 มีประมาณ 13 ล้านคน และเพิ่มขึ้นจนแตะหลัก 20.8 ล้านคน

ในปีงบประมาณ 63 ตั้งแต่เดือน ต.ค. 62-ก.พ. 63 มีนักท่องเที่ยวเข้าเยี่ยมชมอุทยานแห่งชาติ รวมทั่วประเทศประมาณ 8.5 ล้านคน กระทั่งทั่วโลกเจอการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้การเดินทางลดลง และอุทยานแห่งชาติประกาศปิดท่องเที่ยวนับตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.63 มาเริ่มเปิดท่องเที่ยวอีกครั้งในวันที่ 1 ก.ค. 63 แม้นักท่องเที่ยวชาวไทยจะเริ่มกลับมาท่องเที่ยว แต่มีจำนวนลดลง ส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแทบจะไม่มีเลย

"รายได้ค่าเข้าอุทยานปีงบประมาณ 2562 รายได้รวม 2,258 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวประมาณ 20.8 ล้านคน ขณะที่ปีงบประมาณ 2563 รายได้รวม 1,365 ล้านบาท มีนักท่องเที่ยวประมาณ 13.9 ล้านคน รายได้ลดลงไปเกือบ 900 ล้านบาท และนักท่องเที่ยวหายไปเกือบ 7 ล้านคน ซึ่งเงินรายได้ส่วนใหญ่ของอุทยานฯ มาจากค่าเข้าของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทำให้รายได้อุทยานฯ ลดลงดังกล่าว"

นายจงคล้าย กล่าวอีกว่า  ขณะนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูหนาว เป็นฤดูแห่งการท่องเที่ยว โดยเฉพาะทางภาคเหนือ และเที่ยวภูเขา เช่น อุทยานฯเขาใหญ่ อุทยานฯภูชี้ฟ้า อุทยานฯห้วยน้ำดัง เป็นต้น คาดว่าจะกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ในระดับหนึ่ง แต่แหล่งท่องเที่ยวทะเล โดยเฉพาะฝั่งทะเลอันดามัน คงยังไม่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยมีบ้าง แต่หากเทียบกับปี 62 ถือว่าลดลงเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ในวิกฤติของการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่วนหนึ่งนับเป็นโอกาสที่ทำให้ทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ฟื้นตัว สัตว์ป่า สัตว์ทะเลออกมาให้เราเห็นกันมากขึ้น อีกทั้งตามนโยบายของนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. และนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ กำชับให้มีการปรับปรุงและพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกในอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศให้ดีขึ้น ทั้งบ้านพัก ห้องน้ำ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวตามความเหมาะสมของการรองรับตามศักยภาพของแหล่งท่องเที่ยวนั้นๆ และหากจะเที่ยวอุทยานต้องมีการจองผ่านแอปพลิเคชัน QueQ ส่วนการวอล์กอินจะหายไปเรื่อยๆ นอกจากนี้เราได้ตั้งตู้คีออส ซึ่งเป็นตู้จ่ายเงินค่าเข้าอุทยานฯ ไว้ที่หน้าอุทยานแห่งชาติบางแห่ง เช่น อุทยานฯเขาใหญ่ อุทยานฯ น้ำตกพลิ้ว เพื่อลดภาระของเจ้าหน้าที่

หากต่อไประบบจองออนไลน์สามารถเชื่อมต่อการจ่ายเงินผ่านธนาคารได้ 100% ก็จะเป็นการจองและชำระเงินผ่านทางออนไลน์ทั้งหมด ซึ่งจะช่วยป้องกันการทุจริตในการเก็บค่าบริการด้วย ทั้งนี้ คาดว่าระบบจะเสร็จสมบูรณ์ ในช่วงเดือน มี.ค.2564

สำหรับปีงบประมาณ 2563 อุทยานแห่งชาติที่มีรายได้สูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่

1. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน รายได้ 222,565,500 บาท
2. อุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี 186,079,350 บาท
3. อุทยานฯ เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด 128,056,535 บาท
4. อุทยานฯ อ่าวพังงา 103,973,160 บาท
5. อุทยานฯ เขาใหญ่ 92,304,004.99 บาท
6. อุทยานฯ ดอยอินทนนท์ 70,802,072.95 บาท
7. อุทยานฯ เอราวัณ 59,524,124.71 บาท
8. อุทยานฯ เขาสก 57,141,415 บาท
9. อุทยานฯ หมู่เกาะลันตา 32,022,520 บาท
10. อุทยานฯ ตะรุเตา 23,845,588.43 บาท

ส่วนอุทยานแห่งชาติที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่

1.อุทยานฯ เขาใหญ่ จำนวน 1,396,988 คน
2.อุทยานฯ เขาคิชฌกูฏ 948,621 คน
3.อุทยานฯ เขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด 921,605 คน
4.อุทยานฯ ดอยอินทนนท์ 732,474 คน
5.อุทยานฯ ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน 723,915 คน
6.อุทยานฯ หาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี 599,764 คน
7.อุทยานฯ หมู่เกาะสิมิลัน 422,307 คน
8.อุทยานฯ อ่าวพังงา 399,109 คน
9.อุทยานฯ เอราวัณ 361,510 คน
10.อุทยานฯ น้ำตกพลิ้ว 327,405 คน


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ