อุ้มคนด้อยโอกาสฝ่าโควิด มูลนิธิปิดทองหลังพระจับมือ 5 พันธมิตร

มูลนิธิปิดทองหลังพระ จับมือ 5 หน่วยงาน ยึดแนวพระราชดำริฟื้นวิกฤติ “ดิศนัดดา”เผยโควิด-19 คนตกงานเพียบ คนชนบทด้อยโอกาสหนักกว่าเดิม ขณะที่ ครม. อนุมัติงบ 186 ล้านบาท ฝึกอบรมเพื่อชะลอการว่างงานภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ในอีอีซี

ม.ร.ว.ดิศนัดดา ดิศกุล เลขาธิการมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ เปิดเผยในงานเสวนาไม่ท้อ ไม่ถอย-พระราชดำริค้ำจุนสังคมว่า ปิดทองหลังพระฯได้ร่วมกับ 5 หน่วยงานคือ สำนักปลัด สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริร่วมกันสืบสานและประยุกต์แนวพระราชดำริไปใช้เพื่อให้ประเทศผ่านความท้าทายด้านต่างๆไปได้ โดยเฉพาะการช่วยให้ผู้ด้อยโอกาสสามารถยืนบนขาของตัวเอง มีอิสรภาพในชีวิต เป็นฐานรากให้กับการพัฒนาประชาธิปไตยได้โดยแท้จริง

“ในเวลาสั้นๆเพียง 2 ปี ประเทศไทยถูกกระทบจากสงครามการค้า ภัยแล้ง น้ำท่วม โควิด-19 ซึ่งยังหาจุดลงตัวไม่เจอ ส่งผลให้ประชาชนที่ด้อยโอกาสอยู่แล้วยิ่งลำบากกว่าเดิม คนไทยทุกคนได้รับผลกระทบอย่างไม่เคยมีมาก่อน ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีที่เข้ามาทดแทนแรงงานคนอย่างรวดเร็ว คาดว่าจะกระทบกับแรงงานไทยไม่ต่ำกว่า 14 ล้านคน ส่งผลกระทบต่อคนไทยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะประชาชนที่ด้อยโอกาสอยู่แล้ว จะยิ่งลำบากกว่าเดิม ถ้าไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ทันท่วงที”

ที่ผ่านมา 6 หน่วยงานได้ร่วมกันสร้างระบบนิเวศ เพื่อความยั่งยืนให้ภาคชนบท ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ ผ่านโครงการที่มุ่งสืบสาน รักษา ต่อยอด จนเกิดผลเป็นที่ประจักษ์ เช่น สามารถเพิ่มพื้นที่ป่าได้ 105.83 ล้านไร่ เพิ่มความสามารถการกักเก็บน้ำ 6,776.71 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มพื้นที่รับประโยชน์จากน้ำ 9.44 ล้านไร่ เพิ่มพื้นที่เกษตรกรรมยั่งยืน 3.23 ล้านบาท สร้างอาชีพและเพิ่มรายได้เกษตรกรตามแนวทฤษฎีใหม่ 2.83 ล้านครัวเรือน พัฒนากลุ่มอาชีพที่มั่นคงและกลุ่มบริหารจัดการตัวเองได้ 70,431 กลุ่ม สร้างปราชญ์และผู้นำ เพื่อร่วมขยายแนวพระราชดำริ 355,000 ราย

“ทั้ง 6 หน่วยงานได้ช่วยบรรเทาปัญหาในชนบท จากการศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทย พบว่ามีประชาชน 3.6 ล้านคนอยู่ในสภาพตกงานและเสมือนตกงาน คือ มีงานทำแต่ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ผู้ที่อพยพมาหางานทำในเมืองต้องกลับไปในชนบทไม่น้อยกว่า 1.3 ล้านคน ที่ผ่านมาคนในชนบทมีความลำบากยากแค้น รอความช่วยเหลือ และขาดโอกาสในการพัฒนาตัวเอง จึงละทิ้งชนบทเข้ามาหางานทำในเมือง แต่ขณะนี้โอกาสของการทำงานในเมืองก็ลดลง ทุกหน่วยงานต้องทำงานหนัก เพื่อให้ประเทศไทยดีกว่าเดิม ไม่ใช่แค่กลับไปเหมือนเดิม”

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบตามที่คณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ เสนอโครงการฝึกอบรมเพื่อชะลอการว่างงาน ในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์รวม 9,500 คน วงเงิน 186 ล้านบาทของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยมีผู้ประกอบการยานยนต์ที่เข้าร่วม 34 ราย

ครม.ได้เห็นชอบปรับปรุง “โครงการกำลังใจ” และ “โครงการเราเที่ยวด้วยกัน” คือ 1.อนุมัติให้เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการสาธารณสุขสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร 570 คน และเจ้าหน้าที่หัวหน้างานสาธารณสุขมูลฐานและงานสุขภาพภาคประชาชนระดับจังหวัดและระดับอำเภอ กระทรวงสาธารณสุข 2,615 คนเข้าร่วมโครงการกำลังใจได้ 2.อนุมัติให้ผู้ที่เข้าร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน สามารถใช้บริการโรงแรมที่พัก และใช้บัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับค่าสนับสนุนอาหาร ค่าเข้าชมแหล่งท่องเที่ยว ฯลฯ ในจังหวัดภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้านได้ โดยขยายเวลาโครงการกำลังใจและเราเที่ยวด้วยกันไปถึงวันที่ 31 ม.ค.2564.