
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กำลังสรุปรายละเอียดของมาตรการ “คนละครึ่ง” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) วันที่ 17 ก.ย.นี้ โดยมีหลักการ คือ รัฐบาลจะจ่ายเงินสมทบให้ผู้สมัครและมีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการในสัดส่วน 50% ในวงเงินสูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน โดยผู้มีสิทธิ์ต้องมียอดการใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ที่เป็นกระเป๋าตังอิเล็กทรอนิกส์ (อี-วอลเล็ต) ขั้นต่ำ 100 บาทต่อวัน โดยที่ร้านค้าจะหักเงินของผู้ใช้ไป 50 บาท ส่วนที่เหลือ 50 บาท รัฐบาลเป็นฝ่ายจ่ายให้แก่ร้านค้า
ทั้งนี้ สาเหตุที่ สศค.เลือกแนวทางการใช้จ่ายในลักษณะดังกล่าว เพราะต้องการให้การใช้จ่ายกระจายไปยังร้านค้าต่างๆ โดยเฉพาะร้านค้าย่อยๆ อาทิ ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านหมูปิ้ง ร้านหาบเร่ทั่วๆไป เป็นต้น แทนที่จะใช้จ่ายในจำนวนเงินมากๆเพียงครั้งเดียว เพราะจะตรงกับวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม ส่วนคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์ได้กำหนดให้ผู้มีสิทธิ์ต้องอายุ 18 ปีขึ้นไป สำหรับร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการต้องเป็นร้านค้าเดิมที่เคยร่วมในโครงการชิมช้อปใช้ และเราเที่ยวด้วยกันของรัฐบาลที่มีอยู่ 70,000 แห่งทั่วประเทศ ส่วนร้านค้าใหม่รัฐบาลจะเปิดรับเข้าร่วมโครงการ เช่นกัน
ขณะที่ร้านสะดวกซื้อต่างๆสามารถเข้าร่วมโครงการได้หรือไม่ สศค.กำลังพิจารณาภายใต้โจทย์ที่ว่าจะใช้ร้านค้าเป็นที่ตั้ง หรือประชาชนเป็นที่ตั้งเพื่อเข้าร่วมมาตรการ เพราะต้องการให้ร้านค้าขนาดเล็ก เช่น โชห่วย ร้านขายอาหารต่างๆ เป็นต้น ได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ มากที่สุด คาดว่าจะเริ่มต้นโครงการได้ในเดือน ต.ค.นี้ เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายและเศรษฐกิจในปลายปีนี้ โดยใช้เงินจากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เงินกู้ฉุกเฉิน 1 ล้านล้านบาท.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง