คลอดมาตรการภาษีสรรพสามิต ฟื้นฟูภาคธุรกิจ-แรงงานซมพิษโควิด-19

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

คลอดมาตรการภาษีสรรพสามิต ฟื้นฟูภาคธุรกิจ-แรงงานซมพิษโควิด-19

Date Time: 7 ก.ค. 2563 07:40 น.

Summary

คลังออกมาตรการภาษีสรรพสามิตชุดใหญ่ อุ้มภาคธุรกิจแรงงาน ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทั้งในอุตสาหกรรมรถยนต์นั่งสามล้อแบบไฟฟ้า น้ำผัก-ผลไม้ บุหรี่-ยาสูบ

Latest

เศรษฐกิจไทยปี 68 อยู่ตรงไหน 13 แบงก์-ศูนย์วิจัยพาเหรดปรับจีดีพี ท่ามกลางความผันผวนจากภาษีทรัมป์

คลังออกมาตรการภาษีสรรพสามิตชุดใหญ่ อุ้มภาคธุรกิจแรงงาน ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด–19 ทั้งในอุตสาหกรรมรถยนต์นั่งสามล้อแบบไฟฟ้า น้ำผัก-ผลไม้ บุหรี่-ยาสูบ พร้อมยกเว้นเก็บภาษีจนถึง 30 ก.ย.63 แลกกับให้บริษัทคงการจ้างงานไว้

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมว.คลัง เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศต้องหยุดชะงัก สถานประกอบการจำเป็นต้องปิดกิจการชั่วคราว และบางแห่งปิดกิจการถาวร กระทบต่อการบริโภคภายในประเทศ การจ้างงาน ภาคเกษตร และภาคส่งออก โดยผู้ประกอบอุตสาหกรรมตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ได้รับผลกระทบเช่นกัน ดังนั้น นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง จึงสั่งการให้กรมสรรพสามิต ออกมาตรการเยียวยา ฟื้นฟู และอำนวยความสะดวกภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ ให้ดำเนินธุรกิจต่อได้

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กรมสรรพสามิตได้ดำเนินมาตรการที่เป็นประโยชน์ต่อภาคธุรกิจในบางสินค้าเรียบร้อยแล้ว ได้แก่

1.รถยนต์ (ประเภทรถยนต์นั่งสามล้อแบบพลังงานไฟฟ้า) กรมได้เพิ่มพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตรถยนต์นั่งสามล้อแบบพลังงานไฟฟ้า โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการเสียภาษีตามมูลค่า 2% จากเดิม 4% เพื่อเป็นการส่งเสริมการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์นั่งสามล้อ ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและการจ้างงาน และส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด

2.เครื่องดื่มน้ำผลไม้และน้ำพืชผัก ที่มีการเติมสารอาหาร และสารอื่น โดยได้แก้ไขอัตราส่วนผสมของน้ำผลไม้และน้ำพืชผักที่มีการเติมสารอาหารหรือสารอื่นจากเดิม 20% เป็น 10% เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องดื่ม โดยคำนึงถึงนวัตกรรมในปัจจุบัน และเพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการบริโภคเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

3.สนับสนุนให้สถานบริการคงปริมาณการจ้างงาน เพื่อช่วยเหลือลูกจ้างไม่ให้ตกงาน โดยสถานบริการที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า มีปริมาณการจ้างงานเท่ากับก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะได้รับสิทธิเสียภาษีในอัตรา0% ของรายรับจากบริการจนถึงวันที่ 30 ก.ย.63 เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคท่องเที่ยวและบริการ รวมทั้งเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์ดังกล่าว

4.ขยายเวลาการบังคับใช้อัตราภาษีปัจจุบันของบุหรี่ซิกาแร็ตและยาเส้นออกไปถึงวันที่ 30 ก.ย.64 และเลื่อนการบังคับใช้อัตราภาษีใหม่ของบุหรี่ซิกาแร็ตและยาเส้น ซึ่งจะต้องเก็บภาษีเพิ่มเป็น 40% จากเดิม 20% ในวันที่ 1 ต.ค.63 ออกไป โดยจะให้เริ่มบังคับใช้อัตราภาษีใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.64 เป็นต้นไป โดยการเลื่อนขึ้นภาษีครั้งนี้จะทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยาสูบและยาเส้น และเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบและยาเส้น ได้รับการเยียวยาจากปัญหาการขาดสภาพคล่อง ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19

และ 5.ขยายเวลาในการส่งสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีออกนอกราชอาณาจักร หรือนำเข้าไปในเขตปลอดอากร จากเดิมภายใน 15 วัน และขยายได้อีก 15 วันรวมทั้งหมดไม่เกิน 30 วัน เปลี่ยนเป็นภายใน 30 วันและขยายได้อีก 30 วัน รวมถึงขยายได้หากมีความจำเป็นอีก 60 วัน รวมทั้งหมดไม่เกิน120 วัน และขยายเวลาในการส่งเอกสารหลักฐานจากเดิมภายใน 60 วันและขยายได้อีก 60 วัน รวมทั้งหมดไม่เกิน 120 วัน เปลี่ยนเป็นภายใน 90 วัน และขยายได้หากมีความจำเป็นอีก 60 วันรวมทั้งหมดไม่เกิน150 วัน สำหรับมาตรการช่วยเหลือทางภาษีสรรพสามิตครั้งนี้ จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบการ ทำให้สามารถประคับประคองธุรกิจต่อไปได้ และยังช่วยไม่ให้ปลดพนักงาน รวมถึงกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานใหม่ๆเพิ่มขึ้น.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ