“คลัง” ออกตั๋วสัญญากู้เงิน 7 หมื่นล้าน ลุ้น 28 เม.ย.นี้รู้ผลอัตราดอกเบี้ย

สบน.พร้อมจ่ายครบ 14 ล้านคน

นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ได้ปรับแผนการก่อหนี้ใหม่ หลังการเกิดไวรัสโควิด-19 จากเดิมที่รัฐบาลจะกู้เงินในช่วงเวลาที่เหลือของปีงบประมาณ 2563 รวม 894,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 1.497 ล้านล้านบาท โดยส่วนที่เพิ่มขึ้นใหม่ เป็นเงินจากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงินจำนวน 1 ล้านล้านบาท ที่จะมีการกู้ในปีนี้ จำนวน 603,000 ล้านบาท สบน.จึงได้เตรียมเครื่องมือการกู้เงินไว้แล้ว โดยเมื่อวันที่ 22 เม.ย. ได้ส่งหนังสือชี้ชวนไปยังสถาบันการเงินในประเทศ โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ ให้เข้ามาเสนออัตราดอกเบี้ยจากการออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (P/N) โดยอิงอัตราดอกเบี้ย BIBOR ที่เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้น สำหรับการกู้ยืมเงินระหว่างธนาคารของตลาดกรุงเทพฯ

“สบน.วางแผนจะออกตั๋วสัญญาใช้เงิน อายุ 4 ปี เพื่อระดมเงินในงวดแรก 70,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยของ BIBOR ปัจจุบันอยู่ที่0.97% โดยจะให้ธนาคารพาณิชย์มาเสนอราคา หรือบิดราคา วันที่ 28 เม.ย.นี้”

สำหรับเงินที่ได้จากการขายตั๋วสัญญา 70,000 ล้านบาท จะนำเงินไปให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จ่ายเยียวยาให้ผู้ที่อยู่นอกระบบ อาทิ คนชรา นักศึกษา ผู้พิการ ในเดือนที่ 2 จำนวน 5,000 บาท ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบผู้มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยา 14 ล้านคนในวันที่ 8 พ.ค.นี้ ทั้งนี้กระทรวงการคลังต้องได้เงินก่อนวันที่ 5 พ.ค.นี้ เพื่อสำรองไว้ในเงินคงคลังของรัฐบาล

นอกจากแผนออกตั๋วสัญญาแล้ว รัฐบาลจะระดมเงิน ด้วยการออกพันธบัตรรัฐบาล ที่เน้นการระดมเงินภายในประเทศเป็นหลัก แม้ว่า พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เปิดช่องให้กู้ยืมเงินได้ทั้งสกุลเงินบาทและสกุลตราต่างประเทศ แต่ 80% จะเป็นการกู้เงินในประเทศ ส่วนการกู้เงินต่างประเทศ ขณะนี้มีตัวแทนของธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) และกองทุนเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ติดต่อเข้ามายื่นข้อเสนอตัวให้พิจารณาแล้ว.