หวั่น เงินกองทุนทดแทนกรณีว่างงานประกันสังคม อาจไม่พอเยียวยาผู้ประกันตน (คลิป)

ประธานสภาองค์การลูกจ้างฯ หวั่น เงินกองทุนทดแทนกรณีว่างงานประกันสังคม อาจไม่พอเยียวยาผู้ประกันตน ห่วงเกิดช่องว่างของผู้ประกันตนรับเงินน้อยกว่า 5 พันบาท

นายมนัส โกศล ประธานสภาองค์การลูกจ้างพัฒนาแรงงานแห่งประเทศไทย เปิดเผยผ่านรายการถามตรงๆ กับจอมขวัญ กล่าวว่า สิ่งที่ตนกังวล คือ เงินกองทุนทดแทนกรณีว่างงานที่มีอยู่ 160,000 ล้านบาทนั้นจะไม่พอจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ประกันตนที่ว่างงานเพราะเศรษฐกิจตามกรอบเดิม และที่มีการแก้ประกาศใหม่กฎกระทรวงใหม่ ที่จะจ่ายเงินเยียวยาให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ว่างงาน ที่มีอยู่ 1 แสนหกหมื่นล้านมาจ่ายให้ลูกจ้าง

ทั้งนี้ แต่เดิมกองทุนทดแทนกรณีว่างงานต้องจ่ายเงินให้กับผู้ประกันตนที่ตกงาน และลาออกจากงาน ในอัตราละ 30% เป็นจำนวน 90 วัน กรณีเลิกจ้าง ได้ 50% เป็นจำนวน 180 วัน ตรงนี้มีตัวเลขผู้รับเงินอยู่แล้ว 170,000 คน พอมีโควิดเข้ามาก็ต้องขยายอัตราการจ่ายเป็น 62%

"เงินกองทุนที่มีอยู่ 160,000 ล้านบาท จะต้องถูกแบ่งไปจ่าย คนตกงาน และตกงานเพราะสถานประกอบการปิด อย่าลืมว่า ผู้ประกันตนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา หรือผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงหยุดพักนั้นมีโอกาสสูงที่จะไม่ได้กลับมาทำงานไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ

ขณะเดียวกัน เราอยากนำเสนอให้รัฐบาลรับกลุ่มผู้ประกันตน มาตรา 33 ที่รับเงินเดือนต่ำกว่า 8 พันเข้าไปอยู่ในระบบเราไม่ทิ้งกันเพราะตรงนี้เกิดความเหลื่อมล้ำ เพราะเขาได้เงินจากประกันสังคมแค่ 4,000 กว่าบาทในขณะที่เราไม่ทิ้งกันได้ 5 พันบาท ซึ่งตรงนี้มีตัวเลขผู้ที่ได้รับเงินเดือน 8 พันบาทประมาณ 2 แสนคน

รวมถึงกลุ่มบุคคลที่ได้รับเงินบำนาญชราภาพ ที่ส่วนใหญ่ไปประกอบอาชีพอิสระ เช่น ช่างตัดผม ขายข้าวแกง ขายของตามตลาดนัด ที่มีผลตั้งแต่ปี 57 เขาได้เงินเพียงแค่ 2,000-4,000 บาท รัฐบาลก็ตัดสิทธิ์เขา ซึ่งบางคนได้รับผลกระทบจากโควิดจริงๆ ส่วนตรงนี้กระทรวงการคลังก็น่าจะรับไปดูแลด้วย

นอกจากนี้กลุ่มโรงแรม ท่องเที่ยว หรือสถานประกอบการที่มีเอาต์ซอร์ส พวกแรงงาน ก็น่ากลับเข้าไปอยู่ 5 พันบาท ซึ่งเราก็เสนอไป คำตอบที่ได้ คือ มติครม.ก็ออกมาสถานประกอบการที่ต้องหยุดงานเพราะได้รับผลกระทบจากโควิดจะเข้าอยู่ในการว่างงานและจ่ายเงินเยียวยา 62% ของรายได้ 

ทั้งนี้ จึงเกิดคำถามว่า สถานประกอบการใหญ่ๆ ที่ใช้มาตรา 75 พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฯ นายจ้างต้องจ่ายเงินเดือนลูกจ้าง 75% ของรายได้ เขาได้เยอะกว่า จึงเกิดปัญหา และช่องว่างของผู้ประกันตน 2 กลุ่ม 

"ก็อาจจะเป็นปัญหาได้ว่า บริษัท ก. ไม่มีออเดอร์ตั้งแต่เดือนมี.ค. จึงสั่งหยุดงานด้วยการจ่ายเงินเดือน 75%  ตามพ.ร.บ. แรงงาน เขาจ่ายไปแล้วไม่ใช่เหตุสุดวิสัย แต่พอกฎกระทรวงออกมาแบบนี้ ถ้าเกิดมีนายจ้างหัวใส อาจจะใช้ช่องทางนี้สั่งหยุดแล้วบอกว่านี่คือเหตุสุดวิสัยจากโควิด-19 ก็ไม่ต้องจ่ายเงินเดือนลูกจ้าง 75% และให้มาใช้เงิน 62% ในกองทุนว่างงานแทน"  

ด้าน นางสาวอรุณี ศรีโต คณะกรรมการประกันสังคม ฝ่ายผู้ประกันตน กล่าวว่า ถ้าสถานประกอบการบอกว่าจำเป็นต้องหยุด ก็มาใช้สิทธิ์ 62% ได้ แต่ถ้าสถานประกอบการบอกขายของไม่ดี แต่หยุดเอง โดยที่รัฐบาลไม่ได้สั่งให้หยุด ก็ต้องทำ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน นายจ้างต้องจ่ายเงินเดือนให้กับลูกจ้างเอง 75%  

ทั้งนี้ ในที่ประชุม เราก็กังวลเหมือนกันเพราะอยากให้ใช้เงินกองทุนว่างงานให้ถูกต้อง สถานประกอบการหลายแห่งที่ไม่ได้ถูกรัฐสั่งปิด เขาต้องจ่ายเงินลูกน้องเอง สิ่งที่กังวล คือว่า เหตุสุดวิสัย เขาก็จะใช้ช่องนี้ให้ประกันสังคมจ่าย นั่นแสดงว่า เงินกองทุนว่างงานของประกันสังคมก็ไม่พอจ่าย

"เจตนาเดิมกองทุนทดแทนกรณีว่างงาน มีไว้เพื่อจ่ายเงินให้กับผู้ประกันตน หรือลูกจ้างกรณีว่างงาน หรือลาออกจากงาน เมื่อถามกลับไปว่า หากเงินกองทุนทดแทนกรณีว่างงานไม่พอ รัฐบาลจะเอาเงินมาใส่ให้หรือไม่ ในความเป็นจริงเรารับได้ประมาณ 8 แสนคน สิ่งที่บอร์ดห่วงคือ ปลายปี 63 ต้นปี 64 จะมีคนลาออก ลูกจ้างก็ต้องมายื่นขอรับเงินกรณีว่างงาน หรือลาออกจากงาน และเขา คือ เจ้าของเงินที่แท้จริง ซึ่งหากมากันเยอะ เงินกองทุนว่างงานก็จะไม่พอจ่าย อย่าลืมว่าเงินของประกันสังคมมีเจ้าของ"