โควิด-19 เลวร้าย ตกงานล้านคน ส.อ.ท.ชงตั้งกองทุนแสนล้านรับมือ

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

โควิด-19 เลวร้าย ตกงานล้านคน ส.อ.ท.ชงตั้งกองทุนแสนล้านรับมือ

Date Time: 20 มี.ค. 2563 09:06 น.

Summary

“หอการค้า” วอนสมาชิกอดทน อย่าเลิกจ้างในขณะนี้ ประสานรัฐให้ความชัดเจนสั่งนายจ้างจ่ายเงินลูกจ้างช่วงหยุด 10-15 วัน ด้าน ส.อ.ท.คาดกรณีเลวร้ายคนตกงาน 1 ล้านคน

Latest

กฟผ.ย้ำชัดรอคำตอบรัฐบาล โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก 600 เมกะวัตต์

“หอการค้า” วอนสมาชิกอดทน อย่าเลิกจ้างในขณะนี้ ประสานรัฐให้ความชัดเจนสั่งนายจ้างจ่ายเงินลูกจ้างช่วงหยุด 10-15 วัน ด้าน ส.อ.ท.คาดกรณีเลวร้ายคนตกงาน 1 ล้านคน ชงรัฐตั้งกองทุนรับมือสถานการณ์โควิด-19 วงเงิน 100,000 ล้านบาท ปล่อยกู้เอสเอ็มอี-ช่วยเพิ่มทักษะแรงงาน

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ได้ขอความร่วมมือให้สมาชิกของหอการค้าไทยประมาณ 100,000 ราย ช่วยประคองการจ้างงานพนักงาน ที่มีรวมกันกว่า 10 ล้านคนต่อไป ในภาวะที่เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เบื้องต้นหากผู้ประกอบการรายใหญ่ประสบปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินกิจการ ให้ส่งหนังสือแจ้งมาที่หอการค้าไทย เพื่อที่จะนำไปเสนอต่อรัฐบาลให้หามาตรการเยียวยาลดผลกระทบเพิ่มเติม รวมถึงจะประสานงานกับเครือข่ายในการช่วยเหลือ เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินการกิจการไปได้ โดยขณะนี้ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หอการค้าไทยต้องการให้กระทรวงแรงงานดูแลมนุษย์เงินเดือนด้วย โดยเฉพาะกลุ่มที่จ้างเป็นรายเดือน เพราะไม่มีสวัสดิการใดๆ เลย โดยเฉพาะเมื่อนายจ้างสั่งให้หยุดงาน 10-15 วันจะไม่จ่ายเงินเดือน ซึ่งรัฐบาลต้องมีมาตรการดูแลด้วย เช่น ออกระเบียบให้ชัดเจนให้นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างคิดเป็นสัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ของเงินเดือน เป็นต้น เพราะขณะนี้หลายบริษัทให้หยุดงาน 15 วันโดยไม่จ่ายเงินเดือน เพื่อประคับประคองกิจการให้ดำเนินต่อไปได้ ทำให้พนักงานเดือดร้อนมาก ซึ่งต่างจากพนักงานรายวัน หากนายจ้างต้องการให้ลูกจ้างหยุดงาน 15 วัน ต้องยื่นต่อกรมสวัสดิการแรงงานว่าขอหยุดทำงาน 15 วัน โดยนายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างให้ 75% ของรายได้

ส.อ.ท.ชี้กรณีเลวร้ายคนตกงานล้านคน

ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.อยู่ระหว่างติดตามและประเมินผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งกรณีเลวร้ายสุดคือ การเลิกจ้างงานในภาคอุตสาหกรรม ส่งผลให้คนตกงานทันที 1 ล้านคน ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ดังนั้น ส.อ.ท.จึงขอเสนอแนวทางให้รัฐบาล จัดตั้งกองทุนรับมือสถานการณ์โควิด-19 วงเงิน 100,000 ล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เป็นกลุ่มแรกตามด้วยกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยว บริการ และค้าปลีก

“ขณะนี้หลายบริษัทและหน่วยงานต่างๆได้ปรับตัวค่อนข้างมากเพื่อเตรียมพร้อมความรับมือกับโควิด-19 ที่อาจรุนแรงขึ้นต่อเนื่อง เช่น การทดสอบระบบให้พนักงานทำงานจากที่บ้านหากการระบาดรุนแรงเข้าสู่ระยะที่ 3 ซึ่งบางกลุ่มอุตสาหกรรมอาจให้พนักงานลางานโดยไม่รับเงินเดือน หรือยังคงทำงานอยู่แต่ปรับลดเงินเดือน หรือกรณีเลวร้ายสุดคือ การเลิกจ้าง จึงอยากเสนอให้นำเงินจากกองทุนดังกล่าวหากมีการจัดตั้งขึ้นมา 20,000 ล้านบาท มาใช้ในการพัฒนาทักษะและฝึกอบรมบุคลากรที่ตกงานในรูปแบบของคูปองผ่านโครงการของรัฐบาล”

สำหรับแนวทางการจัดตั้งกองทุนดังกล่าว รัฐบาลอาจต้องใช้วิธีกู้หรือออกพันธบัตรภาครัฐ เพื่อระดมเงินโดยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐดำเนินการ ในอัตราดอกเบี้ย 2% ระยะเวลาผ่อนชำระ 1 ปี นิติบุคคลละไม่เกิน 20 ล้านบาท แต่ต้องมีเงื่อนไขผ่อนปรนกว่ากองทุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 150,000 ล้านบาทเดิมของกระทรวงการคลัง

ดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมต่ำสุด 21 เดือน

นายสุพันธุ์ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้กำลังซื้อของประเทศทั้งในและต่างประเทศซบเซา ประสบปัญหาด้านการผลิต การจำหน่าย การขนส่งสินค้าและนำเข้าวัตถุดิบจากประเทศจีนมีความล่าช้า โดยประเมินว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นและกระจายไปทั่วโลกอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก รวมทั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ หลังนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัว ประชาชนในประเทศระมัดระวังการใช้จ่ายส่งผลให้การบริโภคสินค้าอุตสาหกรรมลดลง ประกอบกับปัญหาภัยแล้งยังส่งผลกระทบต่อปริมาณวัตถุดิบการเกษตรลดลง การเบิกจ่ายงบประมาณโครงการก่อสร้างภาครัฐล่าช้ายังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างด้วย

ทั้งนี้ ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 90.2 ลดลงจากเดือน ม.ค.ที่อยู่ที่ระดับ 92.2 ต่ำสุดในรอบ 21 เดือนนับตั้งแต่เดือน พ.ค.2561 เนื่องจากผู้ประกอบการมีความกังวลต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้คำสั่งซื้อลดลง ทั้งในเดือน มี.ค.นี้ และคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าก็คาดว่าดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมจะอยู่ที่ระดับ 98.1 จากที่ประเมินไว้ที่ 99.4 ซึ่งเป็นตัวเลขดัชนีต่ำสุดในรอบ 45 เดือน

แนะปรับระบบขนส่งสินค้าหากต้องปิดเมือง

นายสุพันธุ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลจะต้องเร่งทบทวนว่าโควิด-19 มีต้นตอมาจากจุดใด และต้องยอมรับว่าขณะนี้มีการพูดถึงเงื่อนไขการปิดเมืองกันมากขึ้น ซึ่งบรรยากาศที่เป็นอยู่ขณะนี้ก็ไม่ต่างกับการปิดเมืองแล้ว และหากการแพร่ระบาดของโรคลุกลามไปสู่ระยะที่ 3 ก็ต้องยอมรับเงื่อนไขการประกาศปิดเมืองอย่างเป็นทางการ

“การประกาศปิดเมืองหากต้องเกิดขึ้นจริง ก็ต้องคำนึงถึงผลกระทบเรื่องระบบขนส่งวัตถุดิบและสินค้าที่ใช้ในการผลิตของภาคอุตสาหกรรมหลักๆ ซึ่งมีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มอาหารที่ยังต้องสามารถขนส่งวัตถุดิบ ผลิตและขนส่งสินค้าปลายน้ำเพื่อรองรับความต้องการได้ โดยยืนยันผู้ประกอบการอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดใหญ่ ยังไม่มีการประกาศปิดกิจการเพิ่มเติม นอกเหนือจากผู้ประกอบการขนาดเล็ก ที่ปิดกิจการไปก่อนหน้านี้ค่อนข้างมาก”

ด้านนางสาวสลิลลา สีหพันธุ์ ประธานกรรมการฝ่ายกิจการบรรษัท เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการอยู่ระหว่างขอผ่อนผันการขนส่งสินค้าให้กับลูกค้าในห้างสรรพสินค้า ร้านค้าทั่วไป โดยเฉพาะในเขตพื้นที่สำคัญๆ จากปกติรถขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคสามารถวิ่งขนส่งสินค้าได้เฉพาะช่วงกลางคืน แต่เพื่อให้สินค้ามีเพียงพอและกระจายได้มากขึ้น จะไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอขยายเวลาให้รถบรรทุกสินค้าเพิ่มเที่ยววิ่งได้ 24 ชั่วโมง.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง "โควิด-19"


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ