นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงอย่างรวดเร็ว จากเดิม 60 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับ 20 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลให้ราคาน้ำมันขายปลีกภายในลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยแก๊สโซฮอล์ 95 ขายปลีกต่ำกว่า 20 บาทต่อลิตร และน้ำมันดีเซลบี 10 อยู่ที่ระดับ 18 บาทต่อลิตร กบง.จึงเห็นชอบทบทวนการกำหนดราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) โดยกำหนดราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นจากเดิม 17.1795 บาท/กิโลกรัม เหลือ 14.3758 บาท/กิโลกรัม ทำให้ราคาขายปลีก LPG ขนาดถัง 15 กิโลกรัม (ก๊าซหุงต้ม) ราคาลดจาก 363 บาท เหลือ 318 บาท หรือลดลง 45 บาทต่อถัง
“ราคาก๊าซที่ลดลง 45 บาทต่อถัง จะมีผลบังคับใช้ 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค.จนถึง พ.ค. 63 โดยในวันที่ 23 มี.ค.นี้ จะมีประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (อบน.) เพื่อพิจารณาเรื่องนี้ เนื่องจากสถานการณ์ราคาก๊าซ LPG ตลาดโลกปรับตัวลงต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากภาวะเศรษฐกิจ และภาวะแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 โดยจะใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปอุดหนุนเดือนละ 300-400 ล้านบาท”
นอกจากนี้ กบง.ยังมีมติให้ความช่วยเหลือราคาขายปลีกก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) สำหรับรถโดยสารสาธารณะและรถทั่วไป โดยได้ขอความร่วมมือจากบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ให้ตรึงราคาขายปลีก NGV ที่ 13.62 บาทต่อกิโลกรัม สำหรับรถโดยสารสาธารณะในเขต กทม./ปริมณฑล รถแท็กซี่/ตุ๊กตุ๊ก/รถตู้ ร่วม ขสมก. ในต่างจังหวัด รถโดยสาร/มินิบัส/สองแถว ร่วม ขสมก. รถโดยสาร/รถตู้ ร่วม บขส. และรถแท็กซี่ ต่อไปอีก 3 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.-31 ก.ค.2563 และให้คงราคาขายปลีกก๊าซ NGV รถทั่วไปที่ 15.31 บาท/กก. ต่อไปอีก 5 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.-15 ส.ค.2363 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน เนื่องจากราคา NGV ลดลงช้ากว่าราคาน้ำมันถึง 6 เดือน ทำให้ราคา NGV ที่ ปตท.ขายปลีกในขณะนี้มีราคาสูงขึ้นไม่ใช่ลดลง.