เจ๊งเดือนละ 2.4 แสนล้าน หอการค้าชี้ปิดประเทศทำ เศรษฐกิจเสียหาย

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

เจ๊งเดือนละ 2.4 แสนล้าน หอการค้าชี้ปิดประเทศทำ เศรษฐกิจเสียหาย

Date Time: 20 มี.ค. 2563 08:52 น.

Summary

หากรัฐบาลประกาศปิดประเทศ เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยเสียหายเดือนละ 240,000 ล้านบาท หรือวันละ 8,000 ล้านบาท

Latest

กฟผ.ย้ำชัดรอคำตอบรัฐบาล โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก 600 เมกะวัตต์


คลังบอกต้องทำให้ติดเชื้อลดถึงจะดีขึ้น

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า หากรัฐบาลประกาศปิดประเทศ เพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่รุนแรงขึ้น คาดว่าจะทำให้เศรษฐกิจไทยเสียหายเดือนละ 240,000 ล้านบาท หรือวันละ 8,000 ล้านบาท แบ่งเป็นความเสียหายจากนักท่องเที่ยวที่ไม่สามารถเข้ามาในไทยได้เดือนละ 180,000 ล้านบาท หรือวันละ 6,000 ล้านบาท และผลกระทบจากการค้าชายแดนต้องหยุดชะงักเดือนละ 60,000 ล้านบาท หรือวันละ 2,000 ล้านบาท แต่การจะปิดประเทศหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของรัฐบาล และต้องให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนมากกว่าเศรษฐกิจ “ต้องติดตามว่าการระบาดในไทยจะก้าวกระโดดเหมือนมาเลเซีย ฟิลิปปินส์หรือยุโรปหรือไม่ สำหรับไทยยังไม่รุนแรงถึงขั้นปิดประเทศ แต่อยากให้รัฐบาลเห็นความสำคัญของชีวิตประชาชนเป็นหลัก ปัญหาตอนนี้ไม่ใช่เชื้อไวรัสมาจากต่างประเทศแล้ว แต่เป็นการขยายเชื้อจากคนไทยสู่คนไทย”

นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยกรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เศรษฐกิจไทยจะพ้นวิกฤติภายใน 2 เดือนว่า เศรษฐกิจยังต้องติดตามใกล้ชิด แต่ขณะนี้ต้องดูแลเรื่องสาธารณสุขเป็นอันดับแรกก่อน คือทำให้คนติดเชื้อลดลง ถ้าหยุดการแพร่เชื้อได้เร็ว เศรษฐกิจจะฟื้นได้เร็วตามไปด้วย

สำหรับกองทุนพยุงหุ้นนั้น ได้มีการหารือไว้แล้ว ใช้เงินราว 100,000 ล้านบาท ส่วนหนึ่งมาจากกองทุนวายุภักษ์และระดมทุนจากเอกชน ซึ่งขณะนี้มีเอกชนหลายรายให้ความสนใจเข้าร่วมกองทุน “กองทุนพยุงหุ้นคงยังไม่นำมาใช้ขณะนี้ เพราะหุ้นไทยยังไม่ตกมาก ถ้าจะนำมาใช้อาจพิจารณาช่วงตลาดหุ้นต่ำลงกว่า 1,000 จุด ยืนยันว่ากองทุนพยุงหุ้นจะไม่ใช้ภาษีประชาชนแม้แต่บาทเดียว”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มาตรการการคลังที่จะเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ระยะที่ 2 นั้น จะเน้นไปที่การให้ความช่วยเหลือด้านการเงินกับผู้ได้รับผลกระทบทุกกลุ่มทั้งอาชีพอิสระเกษตรกรและประชาชน โดยวิธีทำให้เงินถึงมือคนให้เร็วที่สุด คือตั้งแหล่งเงินไว้โดยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ แล้วให้คนที่เดือดร้อนวิ่งมาหา ซึ่งวิธีนี้จะคัดกรองผู้ที่เดือดร้อนได้ดีที่สุด ส่วนมาตรการภาษีจะให้สรรพากรช่วยเหลือกลุ่มที่มีภาระผ่อนค่างวดลิสซิ่งต่างๆ โดยอาจให้ยกเว้นการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในแต่ละงวด ซึ่งสรรพากรจะกลับไปพิจารณาอีกครั้ง.

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง "โควิด-19"


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ