“สรรพสามิต” เล็งชงคลังตั้งกองทุนเก็บค่าธรรมเนียมแบตเตอรีรถอีวี คนใช้รถยนต์ไฟฟ้าจ่าย ลูกละไม่เกิน 1,000 บาท คาดมีรถยนต์ฟ้าเสียภาษีกว่า 10,000 คัน โดยจะคืนให้หลัง นำแบตฯ ไปส่งทำลายอย่างถูกวิธี
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.62 นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับค่ายรถยนต์ทุกค่ายในประเทศ เช่น ฮอนด้า บีเอ็มดับเบิลยู เป็นต้น ว่า ขณะนี้กรมเตรียมส่ง ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนส่งเสริมและพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า ให้นายอุตตม สาวนายน รมว.คลังเห็นชอบในหลักการในช่วงต้นปีหน้า หลังจากนั้นถึงจะเริ่มต้นทำประชาพิจารณา ก่อนจะเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในอนาคต ซึ่งคาดว่าปีหน้าก็จะยังไม่สามารถจัดตั้งกองทุนนี้ได้ทัน
สำหรับ พ.ร.บ.ที่จะออกมานั้น จะกำหนดให้ผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี)ทุกคันในประเทศ จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ลูกละไม่เกิน 1,000 บาท ซึ่งเงินในจำนวนนี้จะถูกนำเข้ากองทุนเพื่อเป็นเงินหมุนเวียนเพื่อใช้บริหารการติดตามการกำจัดแบตเตอรี่ ซึ่งเมื่อเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้านำแบตเตอรี่ที่ครบอายุการใช้งานมาส่งคืนค่ายรถยนต์ เพื่อให้ค่ายรถยนต์นำไปทำลายอย่างถูกต้องแล้ว ทางกองทุนส่งเสริมและพัฒนายานยนต์ไฟฟ้า จะคืนเงินจำนวน 1,000 บาท ให้กับเจ้าของรถคันนั้น
ส่วนถ้าหากไม่มีการคืนแบตเตอรี่มายังค่ายรถยนต์กองทุนนี้ก็จะยึดเงินค่าธรรมเนียมจำนวน 1,000 บาทไป อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรถยนต์ไฟฟ้าที่อยู่ในระบบและคาดว่าจะต้องเสียค่าธรรมเนียมแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 10,000 คัน คิดเป็นเงินจำนวน 10 ล้านบาท
“กองทุนนี้ ไม่ได้ทำหน้าที่ในการกำจัดแบตเตอรี่ที่หมดอายุ แต่ทำหน้าที่บริการติดตาม ว่ามีการกำจัดแบตเตอรี่อย่างถูกต้องหรือไม่ ส่วนการกำจัดหรือการรีไซเคิลนั้นเป็นหน้าที่ของค่ายรถยนต์แต่ละค่ายเองว่าจะมีวิธีจัดการอย่างไร”
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาประเทศไทยยังไม่มีโรงงานกำจัดแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ค่ายรถยนต์ต่างๆ จึงส่งแบตเตอรี่ออกไปกำจัดในต่างประเทศ อาทิ ค่ายฮอนด้า ส่งไปที่สิงคโปร์ แล้วส่งต่อไปกำจัดที่ประเทศเบลเยี่ยม เป็นต้น ส่วนเรื่องการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการกำจัดซากรถยนต์เก่านั้น ไม่ได้มีการพูดถึงในที่ประชุมนี้ และที่ผ่านมากรมสรรพสามิตก็ไม่ได้มีการจัดเก็บภาษีในส่วนนี้.