“กรมบัญชีกลาง” ปรับแผนใหม่ให้ “กรุงไทย” โทร.ตรงชวนผู้ประกอบการร้านค้าที่เป็นลูกค้ากรุงไทย สมัครเข้าร่วมโครงการ “ชิมช้อปใช้” เป็นร้านค้าที่รับเงินจากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว คนละ 1,000 บาท โดยพร้อมส่งทีมม้าเร็วลงไปบริการรับสมัครถึงที่ หวังทำเป้าให้ถึง 40,000 ร้านค้า หลังมาสมัครแค่ 3,300 ร้าน
นางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า ความคืบหน้ามาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ซึ่งได้เปิดรับสมัครผู้ประกอบการ ร้านค้า เข้าร่วมมาตรการ ระหว่างวันที่ 28 ส.ค.- 20 ก.ย.2562 เพื่อร่วมโครงการรับเงินเพื่อการท่องเที่ยว 1,000 บาทต่อราย ซึ่งในปัจจุบันยังมีผู้มาสมัครเพียง 3,300 ราย จากเป้าที่วางไว้ 40,000 ราย ดังนั้น กรมบัญชีกลางจึงร่วมประชุมหารือกับธนาคารกรุงไทย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เพื่อปรับแผนใหม่เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้ประกอบการได้มากขึ้น
“กรมบัญชีกลางจะให้เจ้าหน้าที่ของธนาคารกรุงไทยโทรศัพท์เชิญชวนผู้ประกอบการที่มีรายชื่อเป็นผู้ประกอบการของธนาคาร เพื่อเชิญชวนเข้ามาสมัครร่วมมาตรการโดยตรง และหากผู้ประกอบการสนใจจะเข้าร่วม ธนาคารกรุงไทยจะลงพื้นที่ไปพร้อมกับทีมหมอคลัง ของกรมบัญชีกลาง เพื่อรับสมัคร ณ สถานที่ตั้งของผู้ประกอบการ ร้านค้า ซึ่งจะมีบริการทั้งเปิดบัญชี ช่วยสมัครแอปพลิเคชัน เป๋าตัง (G-Wallet) เป็นต้น รวมทั้งกรมบัญชีกลางจะกำหนดจุดรวมพลผู้ประกอบการ ร้านค้า ที่อยู่ใกล้เคียงกันในแต่ละพื้นที่ให้มาสมัครด้วย”
นอกจากนั้น กรมบัญชีกลางได้พัฒนาระบบการรับสมัครผ่านสมาร์ทโฟนเพื่อให้เกิดความรวดเร็วและเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการ โดยในเบื้องต้นจะดำเนินการตามรายชื่อที่เป็นกลุ่มเป้าหมายก่อน สำหรับจุดรับสมัครผู้ประกอบการ ร้านค้า ในส่วนกลางที่กรมบัญชีกลาง และส่วนภูมิภาคที่สำนักงานคลังจังหวัดทั้ง 76 แห่งทั่วประเทศ ยังคงเปิดให้บริการควบคู่กันไปตามปกติ จนถึงวันที่ 20 ก.ย.2562 ไม่เว้นวันหยุดราชการ
ส่วนประชาชนที่จะลงทะเบียนใช้สิทธิโครงการชิมช้อปใช้ เพื่อรับเงินเที่ยวคนละ 1,000 บาท จำนวน 10 ล้านคน จะเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนระหว่างวันที่ 23 ก.ย.-15 พ.ย.62 ทาง www. ชิมช้อปใช้. com” จำกัดการลงทะเบียนวันละ 1 ล้านคน โดยผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ บัตรคนจน จำนวน 14.6 ล้านราย ก็สามารถมาลงทะเบียนเพื่อรับเงิน 1,000 บาท ตามมาตรการ “ชิมช้อปใช้” ได้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากกรณีดังกล่าว ฝ่ายกลยุทธ์การตลาด ธนาคารกรุงไทย ยังเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ตามที่รัฐบาล โดยกรมบัญชีกลางจะโอนเงินตามมาตรการบรรเทาค่าครองชีพ 3 มาตรการ ได้แก่ การพยุงการบริโภคฯ เงินช่วยเหลือผู้สูงอายุ และเงินช่วยเหลือการเลี้ยงดูบุตร เข้ากระเป๋าเงิน e-Money ของผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ในระหว่างวันที่ 6-9 ก.ย. 2562 นี้ ธนาคารกรุงไทยได้เตรียมการในการดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและประชาชนทั่วไป โดยได้ดำเนินการเติมเงินในตู้เอทีเอ็ม ATM เป็นกรณีพิเศษ ทั้งธนบัตรชนิดราคา 100 บาท และ 500 บาท เพื่อให้เพียงพอในการรองรับการถอนเงิน รวมทั้งได้เพิ่มการติดตั้งรถบริการเคลื่อนที่ หรือ Krungthai On The Move ในพื้นที่ที่มีปริมาณการกดเงินของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งทีมงานติดตามการใช้งานของตู้ ATM อีกด้วย
ทั้งนี้ เงินในกระเป๋า e-Money ที่รัฐบาลจ่ายให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น ไม่จำกัดเวลาในการใช้จ่าย โดยสามารถถอนเงินในวันใดก็ได้ หรือใช้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร้านธงฟ้าประชารัฐ ร้านค้าประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่รับชำระเงินผ่านเครื่องรับชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) และแอปพลิเคชัน ถุงเงินประชารัฐ รวมทั้งร้านค้าทั่วไปที่รับชำระเงิน
ผ่านเครื่อง EDC แบบพร้อมการ์ด (Prompt Card) ที่สำคัญยังสามารถสะสมไว้ใช้จ่ายเมื่อมีความจำเป็น.