
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลังว่า สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้หารือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อสรุปขั้นตอนมาตรการ “ชิม ช็อป ใช้” ที่รัฐบาลจะแจกเงิน 10,000 ล้านบาท ให้ประชาชนคนไทยที่อายุ 18 ปี 10 ล้านคนแรกที่ได้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของ ททท. โดยเลือกได้ 1 จังหวัดที่ไม่ใช่จังหวัดที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน เปิดให้ลงทะเบียนสูงสุด 1 ล้านคนต่อวัน เริ่มวันที่ 23 ก.ย.-15 พ.ย.62
ซึ่งผู้ที่ลงทะเบียนจะได้รับเอสเอ็มเอสแจ้งสิทธิ์เข้าร่วมประมาณ 3 วันหลังลงทะเบียน จากนั้นต้องโหลดแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” เมื่อได้ยืนยันตัวตนในเป๋าตังช่อง 1 จะปรากฏวงเงิน 1,000 บาททันที ซึ่งต้องนำไปซื้อสินค้าหรือบริการภายใน 14 วันหลังรับเอสเอ็มเอสยืนยัน ไม่เช่นนั้นจะถูกตัดสิทธิ์เพื่อนำสิทธิ์ไปให้คนอื่นแทน และไม่สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการได้อีก ขณะเดียวกันยังมีเป๋าตังช่อง 2 ที่ไว้ให้ผู้เข้าเติมเงินตนเองไว้ใช้ซื้อสินค้าและบริการกับผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมาตรการจะได้เงินคืน 15% ของยอดเงินที่ใช้จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,500 บาทต่อคน
ทั้งนี้ ด้านผู้ประกอบการที่เป็นร้านค้าและบริการต้องลงทะเบียนกับกรมบัญชีกลางวันที่ 2-13 ก.ย.62 และติดตั้งแอปฯ “ถุงเงิน” เพื่อไว้รับชำระเงินจากแอปฯเป๋าตัง โดยผู้ประกอบการที่รับเป๋าตังช่อง 1 จะได้รับเงิน 1 วันทำการหลังรับชำระเงิน ส่วนเป๋าตังช่อง 2 ได้รับเงิน ณ สิ้นวัน
นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยหลังงานสัมมนาวิชาการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ประจำปี 2562 “คลังคิด เศรษฐกิจเชิงพื้นที่” ว่า ตนได้สั่งการให้ สศค.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เครือข่ายกระทรวงการคลัง ทั้งคลังจังหวัด ธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ร่วมกันหาแนวทางเชิงปฏิบัติเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่และส่งเสริมให้เศรษฐกิจฐานรากมีความเข้มแข็ง “ขณะนี้ได้สั่ง สศค.ว่าเป็นไปได้ไหม หากมีการผลักดันเครือข่ายอาสา หรือหมอคลังอาสา ลงไปให้ความรู้ทักษะเชิงปฏิบัติในพื้นที่เรื่องการเงินพื้นฐานในชุมชน ทำอย่างไรไม่ให้มีหนี้สิน มีเงินออม ซึ่งคาดว่าการแนะนำลักษณะนี้จะลดปัญหาการเป็นหนี้ของคนในชุมชนได้ หรือหากรายใดเป็นหนี้ก็จะเข้าไปช่วยแนะนำหนทางปลดหนี้ให้”
ส่วนกรณีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่จะมีการลงทะเบียนรอบใหม่นั้น จะมีการจัดแพ็กเกจสวัสดิการตามพื้นที่หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ผู้ที่ถือบัตรในรอบที่อยู่ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นคงไม่ทัน แต่ในอนาคตอาจจะมีการให้สวัสดิการเชิงพื้นที่ได้.