เงินผันมาแล้วแจก 3.16 แสนล้าน

ทุกครั้งที่ รัฐบาลแจกเงินคนจนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ผมก็นึกถึง “โครงการเงินผัน” ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกฯขึ้นมาทันที อาจารย์คึกฤทธิ์ คิดนโยบายเงินผันมาตั้งแต่ปี 2518 แม้รัฐบาลจะอยู่ได้ไม่นาน แต่ผลงานของ รัฐบาลคึกฤทธิ์ เช่น โครงการเงินผันสู่ชนบทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การรักษาพยาบาลฟรี การศึกษาฟรี นั่งรถเมล์ฟรี ฯลฯ ทุกวันนี้ทุกรัฐบาลก็ยังใช้ นโยบายเงินผัน ของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ มาแก้ปัญหาเศรษฐกิจรากหญ้าที่ยังจนซ้ำซาก แม้ใน ยุคไทยแลนด์ 4.0 ที่ฝันว่า ประเทศไทยจะมั่งคั่งยั่งยืน เมื่อวันศุกร์ ครม. เศรษฐกิจประยุทธ์ 2 ก็เพิ่งอนุมัติเงินผันรอบใหม่ 3.16 แสนล้านบาท แจกเงินคนจนกระตุ้นเศรษฐกิจ

คนจนที่จะได้รับเงินแจกก็คือ คนยากจน 14.5 ล้านคน ที่มี บัตรสวัสดิการคนจน และ เกษตรกรยากจนอีก 3 ล้านคน เพื่อให้มีเงินใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจในชนบท

ไม่น่าเชื่อนะครับ 44 ปีผ่านไป แม้ทุกรัฐบาลจะใช้นโยบาย เงินสู่ชนบท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นับถึงวันนี้ไม่รู้ทุ่มลงไปกี่ล้านล้านบาทแล้ว แต่คนจนในชนบทก็ยังจนเหมือนเดิม ไม่ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเลย วันก่อน คุณนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกรัฐบาล ยืนยันว่าการแจกเงินผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจในการบริโภคจริง ช่วยพยุงการขยายตัวของเศรษฐกิจ การใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 109,048.13 ล้านบาท ทำให้การบริโภคภาคเอกชนไตรมาส 3–4 ปี 2561 และไตรมาส 1 ปี 2562 ขยายตัวร้อยละ 5.2 ร้อยละ 5.4 ร้อยละ 4.6 สูงกว่าการขยายตัวของจีดีพีที่ขยายตัวร้อยละ 3.2 ร้อยละ 3.6 ร้อยละ 2.8 ก็หวังว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้จะทำให้ เศรษฐกิจดีขึ้นจริง ไม่ใช่แค่ตัวเลข

ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีคลัง เปิดเผยว่า ครม.เศรษฐกิจ เห็นชอบ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในช่วงปลายปีนี้ใน 3 ด้านหลัก คือ

1.มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง 13 จังหวัด ให้ ธ.ก.ส. บรรเทาภาระดอกเบี้ย 1 ปี จำนวน 9 แสนกว่าราย ให้สินเชื่อฉุกเฉินภัยแล้ง 50,000 บาทต่อราย ยกเว้นดอกเบี้ยปีแรก วงเงิน 50,000 ล้านบาท ให้สินเชื่อฟื้นฟูความเสียหาย 500,000 บาทต่อราย วงเงินอีก 5,000 ล้านบาท และ ช่วยลดภาระต้นทุนปลูกข้าวปี 62/63 สำหรับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนในเดือนสิงหาคมนี้อีก 3 ล้านราย

2.เพิ่มเงินสวัสดิการผู้มีรายได้น้อย 14.6 ล้านคน รอบใหม่อีก 2 เดือน กลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 100,000 บาท รับค่าครองชีพเพิ่มอีก 200 บาท ในเดือนสิงหาคมและกันยายน กลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท รับค่าครองชีพเพิ่มอีก 300 บาท รวมทั้ง เงินช่วยเหลือผู้สูงอายุ โครงการมารดาประชารัฐสำหรับบุตรแรกเกิด ช่วง 5 เดือนหลังของปี

3.กระตุ้นการอุปโภคบริโภค เพื่อส่งเสริมคนมีรายได้ปานกลาง กระตุ้นการท่องเที่ยวผ่านมาตรการ “ชิม ช็อป ใช้” ผ่านกระเป๋า e–money สำหรับผู้ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันธนาคารกรุงไทย วงเงิน 1,000 บาท เพื่อท่องเที่ยวในประเทศ และคืนเงินผ่านแอปให้อีกร้อยละ 15 ถ้าใช้จ่ายเพิ่มไม่เกิน 30,000 บาท กำหนดกลุ่มเป้าหมาย 10 ล้านคน

นอกจากนี้ ครม.เศรษฐกิจ ยังมอบหมายให้ ธนาคารออมสิน และ ธนาคารกรุงไทย ร่วมกัน ปล่อยสินเชื่อให้ได้ 100,000 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขผ่อนปรน 7 ปี มี บยส. ค้ำประกันสินเชื่อ ยกเว้นค่าธรรมเนียม 2 ปีแรก ถ้ามีหนี้เสียเกิดขึ้น รัฐบาลพร้อมจะจ่ายชดเชยให้ เพื่อให้สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และยังมอบหมายให้ ธนาคารออมสิน ปล่อยสินเชื่อบ้านวงเงิน 25,000 ล้านบาท และ ธอส. ปล่อยสินเชื่อบ้านอีก 27,000 ล้านบาท รวมวงเงินอัดฉีดในรอบนี้ 316,000 ล้านบาท คาดว่า จีดีพีปีนี้จะโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3 เพื่อรับมือกับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

ก็ถือเป็นมาตรการอัดฉีดที่ครอบคลุมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา คงได้เห็นผลตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไป เมื่อมาตรการทั้งหมดผ่าน ครม. ในวันนี้ การจ่ายเงินคงจะเริ่มทันที.

“ลม เปลี่ยนทิศ”