น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมกำลังเตรียมแผนงานผลักดันการส่งออกเพื่อเสนอต่อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์คนใหม่ โดยกรมยังคงยืนยันเป้าหมายมูลค่าการส่งออกปี 62 ขยายตัว 3% จากปี 61 และจะเชิญประชุมผู้ส่งออกสินค้าในกลุ่มสำคัญ ทั้งเกษตร อาหาร ยานยนต์และชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ อัญมณีและเครื่องประดับ ฯลฯ ช่วงปลายเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งจะมี รมว.พาณิชย์คนใหม่เป็นประธาน โดยจะมี การวางแผนงานในช่วงครึ่งปีหลังและขับเคลื่อนการส่งออกร่วมกัน
“เป้าหมายการส่งออกปี 62 ที่จะเสนอ รมว.พาณิชย์คนใหม่จะยังคงยืนยันเป้าไว้ที่ 3% แม้ว่าหลายฝ่ายจะประเมินการส่งออกปีนี้ติดลบ แต่กรมในฐานะหน่วยงานปฏิบัติ จะพยายามผลักดันมูลค่าส่งออกให้ขยายตัวได้ตามเป้าหมาย และมีแผนกิจกรรมในช่วงครึ่งปีหลังเตรียมไว้หมดแล้ว ส่วนการส่งออกในปี 63 มองไว้ขยายตัวในกรอบ 3-5% จากปี 62 ซึ่งจะรายงานต่อ รมว.พาณิชย์คนใหม่ด้วย”
ทั้งนี้ รายละเอียดแผนการผลักดันการส่งออกในช่วงครึ่งปีหลังนั้น กรมจะนำงบประมาณจากครึ่งปีแรกที่ไม่ได้ใช้นำมารวมกับครึ่งปีหลังจัดกิจกรรมผลักดันการส่งออกรวม 300 กิจกรรม เน้นไปยังตลาดเป้าหมายสำคัญของไทย โดยเน้นเจาะตลาดเมืองรองของตลาดเหล่านี้ให้มากขึ้น เพราะยังมีโอกาสในการส่งออกสินค้าไทย
ขณะที่ในส่วนของกระทรวงพลังงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นโยบายที่กำลังรอให้ รมว.พลังงานคนใหม่เข้ามาพิจารณา คือ นโยบายการกำหนดราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) หลังจากที่ปัจจุบันราคาตลาดโลกปรับลดลงมาอยู่ที่เฉลี่ย 410-430 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 500 เหรียญฯ ส่งผลให้มีเงินเรียกเก็บจากผู้ใช้แอลพีจีเก็บเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง 1.79 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) จากเดิมที่ภาครัฐต้องใช้เงินเข้าไปอุดหนุนราคา โดยล่าสุดบัญชีกองทุนแอลพีจียังคงติดลบ 6,397 ล้านบาท จึงขึ้นอยู่กับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) จะมีนโยบายอย่างไรต่อไป จะปรับลดลงหรือคงราคาเดิมต่อไป.