น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า ในเดือน พ.ค.62 การส่งออกมีมูลค่า 21,018 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 5.79%
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า ในเดือน พ.ค.62 การส่งออกมีมูลค่า 21,018 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 5.79% เทียบกับเดือน พ.ค.61 ถือว่าลดลงสูงสุดในรอบ 34 เดือนนับจากเดือน ก.ค.59 ที่ติดลบถึง 6.27% ส่วนเมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 663,647 ล้านบาท ลดลง 4.04% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 20,836.4 ล้านเหรียญฯ ลดลง 0.64% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 666,810.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.17% ส่งผลมีดุลการค้าเกินดุล 181.5 ล้านเหรียญฯ แต่เมื่อคิดเป็นเงินบาทขาดดุล 3,163.3 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เมื่อหักมูลค่าการส่งออกสินค้าทองคำและน้ำมัน ที่ผันผวนมากออกจะทำให้เดือน พ.ค.ส่งออกไทยติดลบเพียง 2.6% เท่านั้น สำหรับในช่วง 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) ปี 62 การส่งออกมีมูลค่า 101,561.3 ล้านเหรียญฯ ลดลง 2.70% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
“มูลค่าส่งออกเดือน พ.ค.ลดลงมาจากผลกระทบของสงครามการค้า เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าชะลอตัว ภาวะการเงินโลกที่ตึงตัว รวมถึงความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองในยุโรป การถอนตัวออกจากสภาพยุโรป (อียู) ของสหราชอาณาจักรยังไม่ยุติ รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาก แต่ถือว่ายังดีที่ส่งออกไทยได้รับผลกระทบน้อยกว่าหลายประเทศในภูมิภาค”
น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวต่อว่า ในเดือน พ.ค. ผลกระทบของสงครามการค้า ทำให้มูลค่าการส่งออกไทยหายไป 135 ล้านเหรียญฯ หรือ 0.64% ของมูลค่าการส่งออกเดือน พ.ค. เพราะทำให้มูลค่าส่งออกสินค้าไทยที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของจีนลดลงมากถึง 281 ล้านเหรียญฯ หรือลดลง 4.3% จากการลดลงของแผงวงจร เครื่องจักรและส่วนประกอบ ยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงมูลค่าส่งออกสินค้าที่สหรัฐฯใช้มาตรการเซฟการ์ดขึ้นภาษีนำเข้า ทั้งแผงโซลาร์เซลล์ และเครื่องซักผ้า ลดลงมาก แม้สินค้าบางรายการที่ส่งออกไปสหรัฐฯเพื่อทดแทนสินค้าจีนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ต้องการเสนอให้รัฐบาลใหม่เร่งเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับประเทศใหม่ๆ โดยเฉพาะอียู ไม่เช่นนั้นไทยจะเสียเปรียบการแข่งขันส่งออกกับประเทศคู่แข่ง รวมถึงผลักดันการส่งออกภาคบริการอย่างจริงจัง และดึงดูดการลงทุนอุตสาหกรรมใหม่ เช่นรถยนต์ไฟฟ้า ไม่เช่นนั้นสินค้าอุตสาหกรรมส่งออกของไทยจะล้าสมัย และเสียศักยภาพด้านการแข่งขัน.