ม.44 ยืดจ่ายหนี้มือถือ กสทช.หวานชื่นเอกชน

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ม.44 ยืดจ่ายหนี้มือถือ กสทช.หวานชื่นเอกชน

Date Time: 22 มิ.ย. 2562 05:01 น.

Summary

กสทช.ออกนโยบายให้เอกชนประกอบกิจการโทรคมนาคม 3 ราย ที่ให้บริการ 4G คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ขยายเวลาชำระเงินประมูล

Latest

สาละวันเตี้ยลง

กสทช.ออกนโยบายให้เอกชนประกอบกิจการโทรคมนาคม 3 ราย ที่ให้บริการ 4G คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ขยายเวลาชำระเงินประมูลจาก 5 ปี เป็น 10 ปี และเปิดโอกาสให้บริการ 5G คลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์...ได้ต่อไปโดยไม่ต้องประมูล

ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 44 ช่วยผู้ประกอบการโทรคมนาคม สาระสำคัญ...ที่มีความกังวลกันว่า อาจกระทบต่อการแข่งขัน...สู่การผูกขาดรูปแบบใหม่ในอนาคต และภาครัฐมีความเสี่ยงเสียประโยชน์เชิงรายได้ และประชาชน ก็จะได้ใช้โทรศัพท์ราคาแพง...

สุภิญญา กลางณรงค์ อดีตกรรมการ กสทช. ให้ข้อมูลว่า คสช. ใช้ ม.44 ตามคำสั่งที่ 4/2562 เรื่องมาตรการแก้ไขปัญหาการประกอบกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม และช่วยเหลือด้วยการขยายระยะเวลาการชำระเงินค่าประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ให้ผู้ประกอบการโทรศัพท์เคลื่อนที่เดิมจ่าย 4 งวดเป็น 10 งวด

ถูกมองกันว่า “ค่ายมือถือ เอื้ออาทร” ที่รับการช่วยเหลือจากภาครัฐ ครบถ้วนหน้า...

เหตุการณ์นี้คล้ายคลึง...เมื่อ 10 ปีก่อน ในรัฐบาลยุคนั้น ออกกฎหมายและแก้ไขกฎหมายเกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการโทรคมนาคม ด้วยการออกพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2527 (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2546 มีวัตถุประสงค์กำหนดอัตราภาษีสรรพสามิต สำหรับการประกอบกิจการโทรคมนาคม ที่รู้จักกันดี...ออก พ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิต แปลงสัญญาสัมปทานรายได้ มาเป็นภาษีสรรพสามิต ที่ถูกมองว่าเป็นการช่วยบริษัทโทรศัพท์มือถือ

ทำให้เกิดกระแสถูกวิจารณ์ว่า เอื้อประโยชน์กับเอกชน...มีผลให้ภาครัฐเสียประโยชน์ และผูกขาดค่ายมือถือ สกัดผู้ประกอบการรายใหม่ เข้ามาแข่งขัน

ด้วยเหตุผล...การใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มนายทุนประกอบกิจการโทรคมนาคมนี่เอง บานปลายนำไปสู่เรื่องของการ “คอร์รัปชันเชิงนโยบาย” และมีการเคลื่อนไหวการชุมนุมทางการเมืองรุนแรง...

เงื่อนปมปัญหาในวันวานผ่านไปมาถึงยุคนี้ แม้ว่าคนใกล้ชิดหรือคนในครอบครัวของผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ไม่ได้ประกอบกิจการโทรคมนาคมก็ตาม แต่สิ่งคล้ายคลึงกันเมื่อครั้งอดีตคือ เปลี่ยนรูปแบบจากการออก พ.ร.ก.ภาษีสรรพสามิต แปลงสัญญาสัมปทาน กลายมาเป็นการออก ม.44

...ให้อำนาจ กสทช.ในการยืดเวลาในการชำระหนี้ของบริษัทประกอบกิจการโทรศัพท์มือถือทั้ง 3 ค่าย ในการประมูลคลื่น 4G หรือคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ออกไปนานถึง 10 ปี บังคับใช้ในการออกนโยบาย ช่วยเหลือประกอบกิจการโทรคมนาคม ถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มเอกชนอย่างมหาศาล

ตอนนี้เป็นเพียงการออกนโยบายเท่านั้น เพราะ กสทช.ต้องหารือกับเอกชน เพื่อลงรายละเอียดกระบวนการขั้นตอนต่างๆ แต่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เคยวิเคราะห์ข้อเสียในการออก ม.44 มาซอยย่อยจาก 4 งวด เป็น 10 งวด ยืดเวลาจ่ายหนี้ 10 ปี สามารถอุ้มเอกชนมีรายได้เพิ่มสูงถึง 1 หมื่นล้านบาท

เรื่องนโยบายนี้มีความน่าสนใจตรงที่ว่า ในอนาคตหากมีการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลชุดใหม่ มองว่ากระบวนการนี้ทำไม่ได้ หรือทำไม่ถูกต้อง มีการยกเลิก ม.44 หรือเปลี่ยนแปลงข้อกฎหมายใหม่ จนไม่สามารถเอื้อประโยชน์ยืดชำระหนี้ถึง 10 ปี

กลายเป็นว่าภาคเอกชนไม่ได้รับผลประโยชน์ และเกิดความเสียหาย อาจเรียกร้องในเรื่องความเสียหายนั้น กลายเป็น “ฟ้องเสียค่าโง่” เกิดขึ้นซ้ำอีกได้เช่นกัน

เพราะธุรกิจโทรคมนาคมมีมูลค่ารายได้สูง นับแต่เกิด 3G มาถึง 4G การใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนมากขึ้น เสมือนเข้าร้านสะดวกซื้อ...ต้องจ่ายเงินทุกวัน เช่นเดียวกับโทรศัพท์มือถือ ใช้ทุกวันและต้องจ่ายทุกวันเช่นกัน

อนาคตไม่มีแนวโน้มลดการใช้สมาร์ทโฟนลงเลย เมื่อมีการเกิดผลประโยชน์มหาศาลแบบนี้ อาจกระทบต่อการแข่งขัน นำไปสู่การผูกขาดรูปแบบใหม่ ที่มีเอกชนเจ้าเดิม 3 ค่าย ครองตลาดการสื่อสารประเทศไทย

ย้อนอดีตการประกอบกิจการโทรคมนาคม มีการ “ผูกขาด” ในรูปแบบ “สัมปทาน” และดำเนินการขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย หรือทีโอที และการสื่อสารแห่งประเทศ หรือ กสท.โทรคมนาคม ต่อมาทั้ง 2 แห่ง ไม่สามารถให้บริการที่เพิ่มขึ้นจำนวนมากได้...

เริ่มมีการให้สัมปทานกับภาคเอกชน มีสัญญาการร่วมงานรัฐกับเอกชน และค่าสัมปทานมีมูลค่ามหาศาล และเป็นแรงผลักดันให้มีการเปิดเสรีด้านโทรคมนาคม

ปัจจุบัน กสทช. มีนโยบายไม่ให้มีระบบสัมปทาน แต่ใช้ระบบการประมูลกิจการโทรคมนาคม มีข้อดีสามารถหารายได้เข้าภาครัฐ แต่มีปัญหาเกิดขึ้นว่า มีการประมูลคลื่นความถี่กัน...และได้ตามที่ต้องการไปแล้ว แต่กลับมาแก้กติกากันภายหลัง...

มีผลเท่ากับว่า...ในประเทศไทยจะไม่เกิดการประมูลกิจการโทรคมนาคมอีก เสมือนผู้ประกอบการค่ายโทรศัพท์มือถือเดิม 3 รายนี้ มีสิทธิผูกขาดตลอดไปหรือไม่

“มีรายงานว่า กสทช.มีการยืดจ่ายหนี้ 10 ปีแล้ว ในอนาคตเกิดคลื่น 5G ก็จะยกให้กับค่ายมือถือรายเดิม ตามราคาที่เคยว่ากันไว้...หากมี 6G เกิดขึ้นอีก ทั้ง 3 รายนี้ ก็ยังคงได้สิทธิต่อไปเรื่อยๆ นำไปสู่การผูกขาดกิจการโทรคมนาคม ถือว่าเป็นเรื่องตลกที่สุด” สุภิญญา ว่า

ในประเทศไทย การสื่อสารไม่มีวันหยุดนิ่งเพียงเท่านี้ มีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะอนาคตการใช้ชีวิตอาจต้องพึ่งระบบเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต อาทิ การขับขี่รถยนต์ อาจขับขี่ด้วยระบบอินเตอร์เน็ต หรือกล้องวงจรปิด ดูผ่านมือถือสมาร์ทโฟน...

และนั่นหมายความว่า การใช้ระบบสื่อสารอินเตอร์เน็ตจะเพิ่มมากขึ้นหลายเท่าตัวกว่าปัจจุบัน

ถ้ามีค่ายโทรศัพท์มือถือ 3 ราย อาจไม่สามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้บริการ ควรมีผู้ประกอบการกิจการโทรคมนาคม เพิ่มจากเดิม 3 ราย เป็น 5 ราย ด้วยการนำค่ายของรัฐวิสาหกิจ อาทิ ทีโอที (TOT) และ กสท. (CAT) มาร่วมในการพัฒนาการสื่อสารให้เติบโตไปพร้อมกัน

ยกตัวอย่าง ในประเทศเมียนมา มีการวางโครงข่ายกิจการโทรคมนาคมหลังประเทศไทย แต่มีผู้ประกอบการ 4 ราย คือ 1.รัฐวิสาหกิจ 2.Telenor 3.Ooredoo และรายที่ 4 ค่ายมือถือจากเวียดนาม ทำให้ระบบการสื่อสารมีการแข่งขันกัน และเกิดการพัฒนาระบบรองรับผู้ใช้บริการ มีค่าบริการที่ถูกมาก...

ดังนั้น ภาครัฐบาลควรเริ่มส่งเสริมการแข่งขันให้รัฐวิสาหกิจ 2 ราย เช่น เปิดให้นักธุรกิจต่างประเทศมีส่วนร่วมลงทุนบริหาร TOT หรือ CAT ให้มีศักยภาพแข็งแรงเทียบเท่าค่ายมือถือ 3 ค่ายเดิม

หากไม่ทำอะไรเลย...กลายเป็นว่ารัฐวิสาหกิจอ่อนแอ...แต่ค่ายมือถือ 3 ราย เติบโตเพิ่มขึ้น และผูกขาดระบบสื่อสาร ทำให้ผู้ใช้บริการเสมือนเป็น “ลูกไก่อยู่ในกำมือ”

เมื่อไม่เกิดการแข่งขัน สุดท้ายผู้ใช้บริการก็อาจได้ใช้โทรศัพท์ค่าบริการที่แพงขึ้น

สะท้อนถึงนโยบาย...ถูกมองว่าเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนชัดเจน เห็นจากความสัมพันธ์ กสทช. มีหน้าที่กำกับดูแลและภาคเอกชน หวานชื่นมากเกินไป...เกิดผูกขาดระบบสื่อสาร คนรับเคราะห์คือผู้บริโภค...

“รัฐ” อุ้ม “เอกชน” ไม่ใช่แค่...รัฐสูญเสียเม็ดเงินเท่านั้น หากแต่มีผลต่อภาพรวมอุตสาหกรรม ที่อาจเป็น “กึ่งผูกขาด” นำไปสู่ “ผูกขาดถาวร”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ