นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังนายลี้ ชี เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน และผู้ว่าการมณฑลกวางตุ้ง เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีว่า นายลี้นำนักธุรกิจชั้นนำ
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังนายลี้ ชี เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน และผู้ว่าการมณฑลกวางตุ้ง เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีว่า นายลี้นำนักธุรกิจชั้นนำจากมณฑลกวางตุ้ง มาเกือบ 200 คน เพื่อมาหารือเรื่องการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ถือเป็นโอกาสดีของไทยเพราะกวางตุ้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ มีการพัฒนาสูงสุดของจีน มีจุดแข็งด้านการค้า ลงทุน อุตสาหกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นวัตกรรม และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รวมทั้งเป็นตลาดส่งออกสำคัญของไทย โดยการส่งสินค้าไทยไปจีน กว่า 30% เป็นการส่งไปกวางตุ้ง อีกทั้งมีบริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นดาวรุ่งของโลก ที่เรียกว่า “ยูนิคอร์น” จำนวนมาก เช่น หัวเหว่ย เท็นเซนต์ ผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก
ส่วนสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนนั้น ทำให้จีนให้ความสำคัญกับไทยมากขึ้น เพราะความใกล้ชิดกันของเชื้อชาติ โดยการเดินทางของนักลงทุนจีนครั้งนี้ เท่ากับได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลจีน และมีโอกาสที่จะลงทุนในอีอีซี เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าของจีน “นักลงทุนจีน ไม่เคยถามอะไรเกี่ยวกับการเมืองไทยเลย ไม่ว่าการเมืองจะเป็นอย่างไร จีนเป็นมิตรกับไทยเสมอ และยืนอยู่ข้างไทย และในเมื่อนายกฯไทยเป็นคนเดิม ทำให้มีความต่อเนื่องในความแน่นแฟ้นของความสัมพันธ์ และความต่อเนื่องในเชิงนโยบาย อย่างไรก็ตาม ไทยให้ความสำคัญเรื่องการเปิดเสรีด้านการค้าและการลงทุนแก่ทุกประเทศเท่าเทียมกัน ทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน ฯลฯ ไม่มีข้อเสนอะไรเป็นพิเศษกับจีน”
ด้าน พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในเรื่องสงครามการค้า นายลี้ เชื่อว่าจะคลี่คลายด้วยดี และจีนพร้อมเปิดเจรจากับสหรัฐฯ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ขอให้จีนคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศในภูมิภาคด้วย.