นางสาวดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 พ.ค.62 เห็นชอบตามข้อเสนอของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับมาตรการปรับปรุงแก้ไขการเสียภาษีเงินได้ออกแทนให้ผู้ขายส่งและผู้ขายปลีกสินค้ายาสูบของ ยสท. ที่แต่เดิมกำหนดให้ ยสท.ต้องเสียภาษีเงินได้แทนผู้ขายยาสูบ (เอเย่นต์) ในอัตรา 12.5% ของกำไรของผู้ขายส่ง และอัตรา 10% ของกำไรของผู้ขายปลีก ระหว่างวันที่ 14 พ.ค.61-30 มิ.ย.62 ตาม พ.ร.บ.การยาสูบแห่งประเทศไทย พ.ศ.2561 นั้น จะส่งผลให้หลังจากวันที่ 1 ก.ค.62 เป็นต้นไป ยสท.ไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้ออกแทนให้ผู้ขายส่งและผู้ขายปลีกยาสูบของ ยสท.อีกแล้ว ดังนั้น ผู้ขายยาสูบทั้งที่เป็นนิติบุคคล และบุคคลธรรมดา ต้องนำเงินที่ได้จากการขายยาสูบมารวมคำนวณเป็นภาษีเงินได้ และยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ประจำปีด้วยตนเอง
“ที่ผ่านมา ยสท.ได้พูดคุยกับผู้ขายส่งและผู้ขายปลีกยาสูบของ ยสท.กว่า 400,000 รายหลายครั้งแล้ว ซึ่งทั้งผู้ขายปลีก และผู้ขายส่งหลายราย ถึงแม้จะไม่พอใจ เพราะไม่เคยรับภาระต้นทุนที่ต้องจ่ายเกี่ยวกับภาษีด้วยตนเอง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับ และปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะการเสียภาษีเงินได้เหล่านี้ไม่ควรให้ภาครัฐต้องมารับภาระแทน และใครก็ตามที่ทำธุรกิจควรจะต้องจ่ายภาษีให้กรมสรรพากรอย่างถูกต้อง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การแก้ไขมาตรการดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประกอบการขายยาสูบของยสท. มีภาระภาษีเงินได้เช่นเดียวกับผู้ขายสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป และยังถือเป็นการสร้างความเท่าเทียมในการแข่งขันทางการค้าระหว่างผู้ผลิตบุหรี่ในประเทศ และผู้นำเข้าบุหรี่จากต่างประเทศ.