ซานต้า กบง.ลุย ลด 1 บาท น้ำมันทุกชนิด! มอบเป็นของขวัญเริ่ม 25 ธ.ค.นี้

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ซานต้า กบง.ลุย ลด 1 บาท น้ำมันทุกชนิด! มอบเป็นของขวัญเริ่ม 25 ธ.ค.นี้

Date Time: 25 ธ.ค. 2561 04:05 น.

Summary

  • กบง.ประกาศลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดลิตรละ 1 บาท ตั้งแต่ 25 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป จากการลดอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 50 สต.ต่อลิตร รวมกับให้ผู้ค้าน้ำมันลดอีก 50 สต.ต่อลิตร...

Latest

ธปท.จ่อเพิ่มกฎเปิดบัญชีใหม่สกัดม้า

คาดมีผลบังคับใช้ประมาณ 4 เดือน ภาครัฐสั่งคุมเข้ม 7 วันอันตราย

ประชาชนปลื้ม กบง.ประกาศลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดลิตรละ 1 บาท ตั้งแต่ 25 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป จากการลดอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน 50 สต.ต่อลิตร รวมกับให้ผู้ค้าน้ำมันลดอีก 50 สต.ต่อลิตร คาดใช้มาตรการนี้ไปนาน 4 เดือน เหตุราคาน้ำมันโลกลดลงต่ำสุดในรอบ 17 เดือน ส่งผลให้อาจไม่ต้องอุดหนุนราคาน้ำมันให้กับวิน จยย.แล้ว ด้านหลายหน่วยงานรัฐเริ่มรณรงค์ลดอุบัติเหตุจากการเดินทาง โดย สธ.ร่วมตำรวจจับเจาะเลือดคนขับที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุมีคนเจ็บตายทุกราย ส่วนประกันสังคมย้ำให้ผู้ประกันตนพกบัตรประชาชนไว้ตลอด หากเจ็บป่วยฉุกเฉินเข้า รพ.ทุกแห่ง ไม่เสียค่าใช้จ่าย ด้าน “ประวิตร” ย้ำเหล่าทัพดูแลปีใหม่ เปิดทุกค่ายทหารดูแล ปชช.ส่ง ส.ค.ส.ผ่านไปรษณีย์ให้กำลังใจทหารชายแดนทั่วประเทศฟรี

คนไทยจะได้ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงถูกลงในช่วงปีใหม่นี้แน่นอน โดยเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว. พลังงาน เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่ากบง.เห็นชอบปรับลดอัตราเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมัน ทั้งน้ำมันดีเซลและกลุ่มเบนซิน จำนวน 50 สตางค์ (สต.) ต่อลิตร ประกอบกับผู้ค้าน้ำมันได้ลดค่าการตลาดลงอีก 50 สต.ต่อลิตร รวมเป็น 1 บาทต่อลิตร ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ไม่เกิน 55 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยล่าสุดเคลื่อนไหวที่ระดับ 52-53 เหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันทั้งดีเซลและเบนซินจะลดลงจำนวน 1 บาทต่อลิตร มีผลตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป

นายศิริกล่าวอีกว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 17 เดือนที่ผ่านมา ทำให้ค่าการตลาดผู้ค้าน้ำมันสูงเกือบ 2 บาทต่อลิตร ขณะเดียวกันเห็นว่ากองทุนน้ำมันมีฐานะที่มั่นคง จึงทำให้ กบง.ลดอัตราเก็บเงินสะสมเข้ากองทุนน้ำมันลงได้ และนำมาอุดหนุนราคาให้ประชาชนในครั้งนี้ โดยจะใช้มาตรการดังกล่าวประมาณ 4 เดือน ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานมองว่าแนวโน้มราคาน้ำมันดิบตลาดโลก จะยังเคลื่อนไหวอยู่ในระดับต่ำอีกสักระยะ เนื่องจากกลุ่มโอเปกสามารถผลิตน้ำมันได้มากขึ้น ประกอบกับเศรษฐกิจโลก มีความขัดแย้งจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ฉุดความต้องการน้ำมันโลกลดลง รวมทั้งการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของหลายประเทศส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจประเทศต่างๆ ส่งผลให้ปริมาณน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติและปิโตรเลียมเหลว (แอลพีจี) มีจำนวนมากอย่างไม่มีข้อจำกัดนัก

นอกจากนี้ นายศิริยังกล่าวถึงความจำเป็นในการดำเนินมาตรการอุดหนุนราคาน้ำมันให้กับวินมอเตอร์ไซค์ 3 บาทต่อลิตรก็น้อยลง ทั้งยังมีโอกาสที่ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศปีหน้าจะลดลงได้ต่ำลงอีก ตามทิศทางราคาตลาดโลกและศักยภาพของกองทุนน้ำมัน โดยปัจจุบันสถานะการเงินของกองทุนน้ำมันมีเงินสะสม 29,000 ล้านบาท และยังมีเงินไหลเข้ากองทุนน้ำมันเดือนละ 2,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในส่วนราคาก๊าซหุงต้มจะยังคงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มขนาดถัง 15 กิโลกรัม (กก.) อยู่ที่ 363 บาทต่อไปตามเดิม ส่วนของแนวโน้มค่าไฟฟ้าปี 2562 มีโอกาสลดลง โดยอาจเรียกเก็บค่าไฟฟ้ากับประชาชนทั่วไปต่ำกว่าปัจจุบันอยู่ที่ 3.60 บาทต่อหน่วย ที่ได้ประกาศไปก่อนหน้านี้

ด้านนางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่ บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรณีที่ กบง.ใช้เงินจากกองทุนน้ำมันมาอุดหนุนราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด 50 สตางค์ต่อลิตรและบริษัทฯ ปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิดอีก 50 สตางค์ต่อลิตร รวมเป็น 1 บาทต่อลิตรตั้งแต่วันที่ 25 ธ.ค.เป็นต้นไป ส่งผลให้ราคาน้ำมันเป็นดังนี้ น้ำมันเบนซิน 95 อยู่ทีี่ 33.56 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 26.15 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 25.88 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์อี 20 อยู่ที่ 23.14 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 85 อยู่ที่ 18.94 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลอยู่ที่ 25.29 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลเกรดพรีเมียมอยู่ที่ 28.89 บาทต่อลิตร

ขณะเดียวกันใกล้เข้าสู่ช่วงการเฉลิมฉลองปีใหม่ หน่วยงานรัฐต่างออกมารณรงค์ด้านความปลอดภัยโดยที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวในการแถลงข่าว “สธ.ห่วงใย เที่ยวปีใหม่ปลอดภัย สุขใจทั้งครอบครัว” ว่าในช่วง 7 วันอันตรายตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.2561-2 ม.ค.2562 สธ.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินมาตรการสร้างความปลอดภัยทางถนน โดยเจาะเลือดคนขับที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุมีคนเจ็บตายทุกราย ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนส่งไปตรวจที่ รพ.ของรัฐได้ทุกแห่ง นอกจากนี้ ยังมีมาตรการช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุคือ 1.เข้าเหตุเร็ว โดยเปิดคู่สาย 1669 เพิ่มเป็น 300 สาย 2.เข้าพื้นที่เกิดเหตุเร็วไม่เกิน 10 นาที โดยมีชุดปฏิบัติการทั่วประเทศ และ 3.ส่งทีมแพทย์เร็ว ซึ่งเตรียมพร้อมทั้งสถานพยาบาล อุปกรณ์การแพทย์ เลือดไว้รองรับตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ ย้ำว่าเมื่อเกิดวิกฤติฉุกเฉินอันตรายถึงแก่ชีวิตสามารถเข้ารักษาได้ทุก รพ. ไม่เสียค่าใช้จ่ายใน 72 ชั่วโมงแรก

ส่วนการควบคุมการจำหน่ายเครื่องดื่มแอล– กอฮอล์นั้น นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ได้สั่งสำนักงานควบคุมป้องกันโรคทั่วประเทศ คุมเข้มกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยล่าสุดคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ กำชับให้เข้มงวด 1.การขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเวลาที่กฎหมายห้าม 2.ห้ามขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี 3.การขายโดยไม่มีใบอนุญาต เป็นต้น นอกจากนี้ยังเห็นชอบให้คัดกรองบำบัด คุมประพฤติคนเมาหากศาลมีคำสั่ง จะต้องส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลศูนย์ ขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวเตือนว่า การดื่มนมเปรี้ยว หรือรางจืด ไม่สามารถรอดพ้นได้ ดังนั้น ทางที่ดีคือดื่มไม่ขับ และในกรณีของผู้ใหญ่ขับรถจะยึดที่ปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดที่ 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ส่วนเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี รวมถึงคนขับรถโดยไม่มีใบขับขี่หรือเป็นใบขับขี่ชั่วคราว จะยึดปริมาณแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดเกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จะถือว่าเมาและใครที่ไม่ให้ตรวจแอลกอฮอล์ ก็จะถือว่าเมา

วันเดียวกัน ที่สถานีรถไฟหัวลำโพง นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวภายหลังนำเจ้าหน้าที่ สปส.เดินแจกเอกสารประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ด้านสวัสดิการประกันสังคมกับประชาชน ในกิจกรรมส่งแรงงานกลับบ้านในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2562 ว่า หากเจ็บป่วยฉุกเฉิน ลูกจ้างผู้ประกันตน สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลตามสิทธิที่เลือกไว้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพียงแต่ขอให้พกบัตรประชาชนติดตัว เพื่อใช้แสดงสิทธิในการรักษา แต่หากไม่สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลตามสิทธิได้ ก็ให้เข้ารักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดก่อน และแจ้งให้โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิทราบ เพื่อรับตัวไปรักษาต่อและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษา ส่วนค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นก่อนการแจ้งให้โรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิทราบ สำนักงานประกันสังคมจะรับผิดชอบใน 3 วันแรก (72 ชั่วโมง) หากผู้ประกันตนสำรองจ่ายไปก่อน สามารถเบิกคืนได้ โดยสามารถตรวจสอบสิทธิการรักษาพยาบาล และสิทธิประโยชน์ด้านประกันสังคมได้ที่แอปฯ SSO Connect หรือสอบถามที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร ทั้ง 12 แห่ง สำนักงานประกันสังคมจังหวัด สาขา หรือโทร.สายด่วน 1506 ตลอด 24 ชั่วโมง

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวที่กระทรวงกลาโหม ถึงการดูแลประชาชนช่วงปีใหม่ที่จะถึงนี้ว่า ให้ทุกหน่วยที่ขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและทุกเหล่าทัพดูแลประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นอย่างดี และช่วยเหลือประชาชนให้ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมทั้งสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลพี่น้องประชาชน ส่วนการดูแลพื้นที่จัดงานเคาต์ดาวน์นั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารและฝ่ายปกครองร่วมมือกันทั้งหมด ขณะนี้สถานการณ์เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

จากนั้น พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวย้ำถึงข้อสั่งการของ พล.อ.ประวิตร รวมถึงขอให้มีความตื่นตัวและไม่ประมาท โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงและขอให้คุมเข้มมาตรการสกัดกั้นยาเสพติดและอาวุธสงคราม และสนับสนุนการแก้ปัญหาจราจรและลดอุบัติเหตุบนท้องถนน พร้อมกันนี้ ขอเชิญชวนประชาชนร่วมส่งกำลังใจเพื่อเป็นกำลังใจแก่ทหาร โดยส่ง ส.ค.ส.และจดหมายพูดคุยผ่านทางบริษัทไปรษณีย์ไทย โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายถึงกองกำลังป้องกันชายแดนทั้ง 12 แห่งทั่วประเทศในนาม “ราชการสนามชายแดน”

จากนั้นในช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 ย่านปทุมวัน พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. ปล่อยแถวตำรวจกว่า 200 นาย เพื่อรักษาความสงบช่วงคริสต์มาสและวันขึ้นปีใหม่ 2562 โดย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติเผยว่ากำหนดแผนรักษาความสงบเรียบร้อยในช่วงเทศกาล ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเกิดความอุ่นใจ เตรียมกำลังพล 70,000 นาย ดูแลทั่วประเทศในพื้นที่ กทม. เน้น 4 จุดสำคัญคือ ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ห้างไอคอน สยาม เอเชียทีค และถนนข้าวสาร


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ