รัฐฟุ้งแก้หนี้ครัวเรือนมาถูกทาง หลังคนแห่กู้ในระบบเต็มวงเงิน

ใครว่าคนไทยรวย-หนี้สินท่วมหัว 

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจสถานภาพหนี้ครัวเรือนไทยปี 61 จากการสำรวจประชาชนทั่วประเทศ 1,203 ตัวอย่าง ว่า จำนวนหนี้เฉลี่ยครัวเรือนในปี 61 มีมูลค่า 316,000 บาท/ครัวเรือน สูงสุดนับตั้งแต่เริ่มสำรวจในปี 52 เป็นต้นมา หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.8% เทียบกับการสำรวจหนี้ครัวเรือนปี 60 ที่มีหนี้เฉลี่ย 299,000 บาท/ครัวเรือน แบ่งเป็นหนี้ในระบบ 64.7% ลดลงจากการสำรวจปี 60 ที่มีสัดส่วน 74.6% และหนี้นอกระบบ 35.3% เพิ่มขึ้นจากการสำรวจปี 60 ที่มีสัดส่วน 26.4%

ทั้งนี้ แม้ว่ามูลค่าหนี้ครัวเรือนในปี 61 จะสูงสุด แต่หากดูโครงสร้างหนี้ครัวเรือนแล้วยังไม่กังวล เพราะจากการสอบถามกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ตอบว่า เป็นการก่อหนี้เพื่อใช้ในการซื้อสินทรัพย์ เช่น รถยนต์ บ้าน และการลงทุนประกอบกิจการ เช่น ลงทุนเครื่องจักร ซื้อวัตถุดิบ เป็นต้น อีกส่วนมาจากการก่อหนี้เพื่อจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะกลุ่มเกษตรกรบางส่วนที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และกลุ่มที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/ครัวเรือน มีการก่อหนี้มาใช้จ่ายในครัวเรือนมากขึ้น เนื่องจากค่าครองชีพสูงขึ้น นอกจากนี้ หากดูการผ่อนชำระต่อเดือน พบว่า ครัวเรือนสามารถผ่อนชำระสูงขึ้น โดยปี 61 ผ่อนชำระเฉลี่ย 15,900 บาท/ครัวเรือน/เดือน เพิ่มขึ้น 3.15% เทียบกับปี 60 ที่มีการผ่อนชำระ 15,400 บาท/ครัวเรือน/เดือน

สำหรับสาเหตุที่ครัวเรือนก่อหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้น เพราะมีการกู้หนี้ในระบบเต็มวงเงินแล้ว จึงต้องก่อหนี้นอกระบบเพิ่ม ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งผลักดันมาตรการสินเชื่อพิกโก ไฟแนนซ์ หรือให้นำสินทรัพย์ เช่น รถจักรยานยนต์ รถยนต์ มาใช้กู้เงินได้ รวมถึงสินเชื่อนาโน ไฟแนนซ์ ต่อเนื่อง เพราะถือว่ามาถูกทาง และการดึงให้เจ้าหนี้นอกระบบมาอยู่ในระบบมากขึ้น สำหรับรายละเอียดการสำรวจสถานภาพหนี้ครัวเรือน พบว่าส่วนใหญ่กู้เงินมาใช้จ่ายทั่วไปมากที่สุด รองลงมาเป็นการกู้มาชำระหนี้เก่า, ลงทุนประกอบธุรกิจหรือประกอบอาชีพ, จ่ายบัตรเครดิต, การศึกษา, ซื้อบ้าน, เสริมสภาพคล่องทางธุรกิจ, ซื้อทรัพย์สิน (รถยนต์), ใช้ในการเกษตร, รักษาพยาบาล, เล่นพนัน โดยเฉพาะฟุตบอล เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาหนี้ภาพรวมของรัฐบาลมาถูกทางแล้ว ที่ส่งเสริมให้คนเข้าถึงแหล่งเงินในระบบมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน.