นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในงาน “สัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ” ว่า หอการค้าไทยได้จัดทำข้อสรุปและแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจของหอการค้าทั่วประเทศเป็นสมุดปกขาวเสนอให้นายกรัฐมนตรีแล้ว เพื่อเป็นแนวทางบริหารประเทศ ทั้งด้านการค้าการลงทุน การเกษตรและอาหาร การท่องเที่ยวและบริการ
โดยแนวทางสำคัญในการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ คือ โครงการ 1 ไร่ ได้เงิน 1 ล้านบาทเป็นการต่อยอดจากโครงการ 1 ไร่ได้เงิน 100,000 บาท ที่หอการค้าไทยทำอยู่ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการใช้พื้นที่ 1 ไร่ทำเศรษฐกิจพอเพียง เมื่อได้ผลผลิตแล้วนำไปขายได้เงินไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท และจะเพิ่มเป็น 1 ล้านบาท โดยเน้นปลูกพืชเศรษฐกิจสำคัญ ให้หอการค้าจังหวัดหาตลาดและแนะนำการบริหารจัดการ เช่น การปลูกอินทผลัม โกโก้ กาแฟ และเลี้ยงวัวพันธุ์ต่างๆ ซึ่งเริ่มให้เกษตรกรหลายจังหวัดทำแล้ว ขณะที่สมาชิกหอการค้าทั่วประเทศซึ่งมีเครือข่าย 100,000 บริษัท พร้อมให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก ทั้งการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำการสร้างรายได้ชุมชน การสร้างความเข้มแข็งให้เอสเอ็มอี เป็นต้น
นายกลินท์กล่าวถึงการหาเสียงของพรรคการเมืองว่า อยากให้โชว์นโยบายเศรษฐกิจ 2 ด้าน คือ การแก้ปัญหาเหลื่อมล้ำทางรายได้ และการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันประเทศ มีแผนที่เป็นรูปธรรมเพื่อให้เอกชนและประชาชนตัดสิน ไม่ใช่พูดลอยๆไม่มีหลักฐานว่าถ้าได้มาบริหารประเทศแล้วเศรษฐกิจจะดีขึ้นประชาชนมีรายได้สูงขึ้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องการให้หอการค้าทำงานร่วมกับรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเฉพาะการแก้ปัญหาความยากจน ซึ่งมีคนจน 14.7 ล้านคน มี 4 ล้านคนรายได้ไม่ถึง 30,000 บาทต่อปี และต้องการให้ช่วยขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ชาติร่วมกับภาครัฐและภาคอื่นๆ เพื่อให้ไทยพ้นกับดักความยากจน ส่วนที่พรรคการเมืองจะรื้อนโยบายและแผนพัฒนาประเทศที่รัฐบาลทำไว้นั้น ยืนยันว่าทำไม่ได้ง่ายๆ เพราะเป็นความร่วมมือกับทุกฝ่ายในการระดมความเห็น.