ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า กรมการค้าภายในได้จัดทำบัญชีสินค้าที่ติดตามดูแลประจำเดือน ก.ค.61 พบว่ามีสินค้า 25 ราย อยู่ในบัญชีอ่อนไหวเป็นพิเศษ (เอสแอล) หรือต้องติดตามราคาและสถานการณ์เป็นประจำทุกวัน โดยลดลง 2 รายการ จากเดือน มิ.ย.61 ที่มีทั้งหมด 27 รายการ ซึ่งถอดเครื่องแบบนักเรียน และรองเท้านักเรียน/ถุงเท้านักเรียน มาอยู่ในบัญชีติดตามเป็นพิเศษ (พีดับบลิวแอล) หรือมีการติดตามราคาและสถานการณ์สัปดาห์ละ 2 ครั้ง
สำหรับสินค้า 25 รายการที่อยู่ในบัญชีอ่อนไหวเป็นพิเศษ แบ่งเป็น 17 รายการ เป็นสินค้าควบคุมมีมาตรการกฎหมายดูแล ได้แก่ น้ำตาลทราย น้ำมันพืช นมผง นมสด สบู่/สบู่เหลว ยางรถยนต์ ปูนซีเมนต์ เหล็กเส้น เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ ก๊าซแอลพีจีหุงต้ม ก๊าซแอลพีจีรถยนต์ ปุ๋ยเคมี ยาป้องกันหรือกำจัดศัตรูพืช ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ข้าวสาลี เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก เหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม ส่วนอีก 8 รายการ ไม่มีมาตรการกฎหมาย ได้แก่ ไข่ไก่ สุกรชำแหละ อาหารปรุงสำเร็จ ข้าวสารบรรจุถุง เหล็กแผ่นรีดร้อน น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล และอาหารสัตว์ “รายการสินค้าเอสแอลส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเหล็ก เพราะราคาวัสดุก่อสร้างปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาล โดยเฉพาะการลงทุนในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ทำให้มีความต้องการใช้เหล็กจำนวนมาก อาจทำให้ราคาผันผวน เห็นได้จากดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างประจำเดือน ก.ค.61 พบว่า หมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กปรับเพิ่มขึ้น 16.3% เทียบกับเดือน ก.ค.60 ซึ่งสะท้อนภาวะการเติบโตของเศรษฐกิจไทย”.