ยุค4.0คนต้องพร้อม ปฏิวัติคิด..ปฏิรูปตน

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ยุค4.0คนต้องพร้อม ปฏิวัติคิด..ปฏิรูปตน

Date Time: 25 มิ.ย. 2561 05:01 น.

Summary

“นวัตกรรม”...เป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนและเพิ่มมูลค่าสินค้าของประเทศไทยให้มีคุณภาพสูง สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหาร

Latest

บวท.ยึดโมเดลสนามบิน“อินชอน” อัพเทคโนโลยีจัดจราจรอากาศรับ 4 ทางวิ่ง

“นวัตกรรม”...เป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนและเพิ่มมูลค่าสินค้าของประเทศไทยให้มีคุณภาพสูง สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหาร

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ กล่าวไว้ว่า ผู้ประกอบการรุ่นใหม่กับการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 โลกในศตวรรษที่ 21 เป็นโลกที่มีความสุดโต่ง โลกที่มีความย้อนแย้ง โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจึงเป็นความท้าทายทำให้ประเทศไทยจะต้องวางแผนสำหรับอนาคตที่จะเกิดขึ้น ผ่านกระบวนการทดลอง ทดสอบกฎระเบียบและนโยบาย ซึ่งมีทั้งคาดการณ์อนาคต การทดลองทดสอบนโยบายใหม่ๆ

การพัฒนาปรับปรุงการให้บริการ...การทำงานหน่วยงานรัฐ ฯลฯ ไปสู่การปรับเปลี่ยนเชิงยุทธศาสตร์

ไม่เว้นด้านการศึกษาก็ต้องปรับ “ศูนย์ต่อยอดงานวิจัยเชิงพาณิชย์ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (Kasetsart Business School Research Commercialization Center)” เป็นตัวอย่างที่สำคัญ

รศ.ดร.บดินทร์ รัศมีเทศ อดีตคณบดี คณะบริหารธุรกิจ ม.เกษตรศาสตร์ บอกว่า ประเทศไทยเวลาเราพูดถึงงานวิจัยและพัฒนา หรือว่า...รีเสิร์ชแอนด์ดีเวลล็อปเมนต์ หรือ “R&D”...เราลืมไปว่า เราต้องแยกกันระหว่างตัว “R” กับตัว “D” ด้วยเพราะมีความแตกต่างกัน

“งานบางอย่างเป็นงานวิจัยก็คือ R และหน้าที่หลักของมหาวิทยาลัยก็จะทำตัว R เยอะ คราวนี้งานวิจัยบางอย่างก็พัฒนาจากตัว R เป็นตัว D คือสามารถพร้อมที่จะทำตลาดสามารถเอาไปใช้ประโยชน์ได้ในระดับหนึ่ง”

นักวิจัยก็มาจากสายวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ หลากหลายทำงานวิจัยออกมา แต่ว่าการทำงานก็มักจะมาติดปัญหาที่ว่า...แล้วใครจะเอาไปใช้งาน? ใครจะเอาไปใช้ประโยชน์?

คณะบริหารธุรกิจจึงมีแนวคิดเข้ามาเป็นตัวเชื่อมเป็นโมเดลการทำงานร่วมกันของทุกภาคส่วน ในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทำหน้าที่กระจายหรือพัฒนางานวิจัยที่มีอยู่แล้วให้มีความเป็นไปได้ในทางการตลาด อันไหนที่มีความเป็นไปได้ในทางการตลาดอยู่แล้ว...ก็ทำขึ้นมาอีกสเต็ปหนึ่ง ให้สามารถออกสู่ตลาดได้

ก็คือการทำงานร่วมกันกับภายในมหาวิทยาลัยเอง ภายนอกกับมหาวิทยาลัยอื่นๆแล้วก็หน่วยงานภายนอกอื่นๆทั้งภาครัฐและเอกชน

คำถามต่อมา มีว่า...ลักษณะนี้ก็มีคนทำอยู่แล้วเยอะแยะ ทั้งหน่วยงาน มหาวิทยาลัย ฯลฯ ประเด็นมีว่า...การขายสินค้างานวิจัยหรือการต่อยอดงานวิจัย หลายๆครั้งไม่ใช่เพียงแค่เป็นการขายครั้งเดียว หากแต่จะต้องมีงานต่อเนื่อง เราก็เอาคณะบริหารธุรกิจ นิสิต นักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรที่เรียนอยู่แล้ว....

เอากิจกรรม เอาโมเดลธุรกิจของจริงเข้าไปช่วย เข้าไปเสริม...ได้ทำ เรียนรู้กับของจริง อย่างเช่นรัฐบาลพุ่งเป้าเดินหน้าธุรกิจสตาร์ตอัพ สร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ สิ่งที่ตามมาผู้ประกอบการบ้านเราจะเอาของที่ไหนก็เอาของที่มีอยู่ในมหาวิทยาลัย งานของนักวิจัยที่ทำไปแล้ว นำมาใช้สร้างโมเดลธุรกิจจริงๆ

คำถามต่อมา มีว่า...แล้วทั้งหมดทั้งปวงจะประสบความสำเร็จทุกอันหรือเปล่า? คำตอบก็คือ “ไม่ใช่”... ถ้าอันไหนประสบความสำเร็จก็ไปต่อได้ ไม่สำเร็จก็เป็นการเรียนรู้

อีกประเด็นสำคัญที่ต้องเข้าใจ งานวิจัยที่เข้ามาบ่อยครั้งเป็นงานที่ไม่สะเด็ดน้ำ หมายความว่ายังไม่สมบูรณ์ การที่จะไปคุยกับภายนอกซึ่งก็เป็นนักธุรกิจ ก็ต้องใช้คน ใช้หน่วยงาน ใช้องค์ความรู้ในเชิงบริหารธุรกิจก็เป็นหน้าที่ของคณะบริหารฯ...มีการเจรจาต่อรองผลประโยชน์ ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายเรื่องเพราะไม่ใช่แค่ว่าขายของได้เพียงอย่างเดียว สิ่งหนึ่งที่คณะขาดก็คือเราไม่มีของ มีวิชาการตลาด บัญชี เต็มไปหมดก็เลยเป็นที่มาของศูนย์แห่งนี้...ไปหาของมา แล้วมาทำงานร่วมกันตอบโจทย์ไทยแลนด์ 4.0

“นวัตกรรม” และ “เทคโนโลยี” แตกต่างกันอย่างไร เอาสั้นๆง่ายๆ ถ้าเกิดเรามีของที่ดีอยู่แต่บางครั้งของที่ว่านั้นเราก็ชอบเรียกว่านวัตกรรม ตัวอย่างง่ายๆ ไอโฟนเป็นนวัตกรรมแห่งปีของไทม์แมกกาซีน แต่ถ้าขายไม่ได้ก็ไม่ใช่นวัตกรรม เป็นเพียงเทคโนโลยีหรือเทคโนโลยีที่ดีเท่านั้น ...“ฉะนั้นประเทศไทย เราอาจจะมีเทคโนโลยีที่ดีๆหลายๆอย่าง แต่ถ้าขายไม่ได้ก็ไม่กลายเป็นนวัตกรรม ซึ่งเรามองในบริบทของบริหารธุรกิจ ถ้าเรามองในลักษณะของเทคนิค...เทคโนโลยีอย่างเดียวอาจจะแตกต่างกันไป”

ความท้าทายสำคัญอยู่ตรงนี้...เราอาจจะมีของหลายๆอย่างที่ไม่เป็นนวัตกรรม ไม่เป็นเทคโนโลยี แต่สิ่งที่คณะบริหารธุรกิจสามารถทำได้ก็คือ เราสามารถเอาไอเดียออกไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้

ผศ.ดร.ศุภฤกษ์ สุขสมาน หัวหน้าโครงการวิจัย เสริมว่า สิ่งที่คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กำลังทำอยู่นี้ คือการพัฒนาระบบบริหารสินทรัพย์ความรู้จากงานวิจัย และนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีการพิถีพิถัน กลั่นกรองคัดเลือกผลงานวิจัยเพื่อผลักดันชิ้นงานวิจัยออกสู่ตลาด

อีกทั้งยังสร้างความเชื่อมโยงให้ผู้วิจัยได้เข้าถึงแหล่งทุน การประสานงาน การทำงานร่วมกับภาคเอกชน โดยที่จะต้องวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ทางการตลาด วัตถุดิบที่จะนำมาใช้ ความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีที่สามารถทำได้จริง รวมทั้งมีสถานที่ที่ทันสมัยในการนำเสนอผลงานวิจัย และแนวความคิดสู่สาธารณะอย่างยั่งยืน

รศ.ดร.ศศิวิมล มีอำพล อดีตคณบดีคณะบริหารธุรกิจ ม.เกษตรศาสตร์ ให้ข้อคิดเห็นว่า การบริหารสินทรัพย์ความรู้จากการวิจัยไม่ใช่เรื่องง่าย จึงเป็นหน้าที่ของคณะฯในการที่จะสร้างกิจกรรมต่างๆที่สามารถสนับสนุน...เชื่อมโยงการบริหารสินทรัพย์ทางปัญญา โดยการจัดเวที หรือสร้างสภาพแวดล้อม ไม่ใช่เพียงให้แก่นักวิจัยเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างโอกาส...แรงบันดาลใจให้กับนิสิตของมหาวิทยาลัยและผู้ที่เกี่ยวข้อง

พัฒนาตนเองให้เป็น “นักวิจัย” หรือ “ผู้ประกอบการ” ที่มีกระบวนการคิดที่สร้างสรรค์

“นักวิจัยไม่ควรมีเพียงความรู้ด้านงานวิจัยเท่านั้น แต่ยังควรมีพื้นฐานด้านบริหารจัดการเพื่อที่จะสามารถสร้างชิ้นงานที่สามารถสนองต้นทุนที่เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการของตลาด และสามารถแข่งขันได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นจะทำให้เกิดการต่อยอดผลงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

รศ.ดร.บดินทร์ บอกอีกว่า ศูนย์ต่อยอดงานวิจัยเชิงพาณิชย์ คณะบริหารธุรกิจ หรือศูนย์ KBS จะเป็นห่วงโซ่ความรู้ สร้างเครือข่ายธุรกิจ, สร้างเครือข่ายวิจัย, สร้างเครือข่ายการเรียนรู้, สร้างระบบพี่เลี้ยง, เผยแพร่องค์ความรู้ใหม่ๆ สู่ตลาด, แสวงหาความรู้และรูปแบบการประยุกต์ใช้แบบใหม่ๆ

คำโบราณบอกว่า “เงินทองเป็นมายา ข้าวปลาสิของจริง” ถือเป็นความได้เปรียบของ ม.เกษตรศาสตร์ คือสิ่งที่เราทำเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่รอบตัว

กระนั้นก็ต้องยอมรับความเป็นจริงที่ว่าบ่อยครั้งเราไม่ได้เป็นคนที่ครีเอต หรือสร้างเทคโนโลยี เราเป็นคนที่นำมาใช้ แต่การนำมาใช้ที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่ว่าเอามาใช้ แต่ต้องต่อยอด เอาของที่เรามีอยู่ มีองค์ความรู้ที่ได้เปรียบโดยเฉพาะด้านการเกษตรที่ประเทศไทยมีศักยภาพมากมาบวกกับเทคโนโลยี

...ก็จะทำให้เกิดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ใหม่ๆที่จะสามารถทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำได้

มหาวิทยาลัยมีงาน 2 อย่างที่ต้องทำคือ “การเรียนการสอน” และ “งานวิจัย” เมื่อเรามีงานวิจัยมาก สิ่งที่ศูนย์ KBS พยายามทำก็คือการสร้างกลไกให้งานวิจัยสามารถออกสู่เชิงพาณิชย์ได้อย่างเป็นรูปธรรม

สิ่งที่ต้องการประชาสัมพันธ์คือให้คนเข้ามาทำงานร่วมกับเรา...ให้คนข้างนอกรู้ว่ามีของอยู่ที่นี่...ของทั่วไปที่จะต้องใช้องค์ความรู้ ความสามารถใช้คนที่มีมุมมอง...มองเห็น...มองออก มาร่วมกันพัฒนา

“งานวิจัย” ยังอยู่บน “หิ้ง” เหมือนเดิม แต่รอให้คนข้างนอกมาหยิบเอาออกไปจากหิ้ง.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ