
บ้านเรามีกฎหมายห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง เพื่อปกป้องคุ้มครองผู้บริโภคมานานกว่า 16 ปี แต่สหรัฐอเมริกาใช้ความเป็นนักเลงโต ข่มขู่ กรรโชก คุกคาม บังคับให้ไทยต้องยอมรับหมูที่ใช้สารเร่งเนื้อแดงของสหรัฐฯ ...ไม่เช่นนั้นจะตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร หรือที่เรียกกันว่า GSP
ตามคำบัญชาของสภาผู้ผลิตสุกรแห่งชาติ (NPPC) องค์กรสมาคมคนลี้ยงหมูสหรัฐฯ ผู้ทรงอิทธิพลที่มีเงินกองทุน 3-4 แสนล้านบาท ให้ทางการนำไปใช้ขจัดอุปสรรคขวางกั้นการส่งหมูมีสารเร่งเนื้อแดงไปขายในต่างประเทศ
ไม่ว่าจะ มองมุมไหน... พฤติกรรมไม่ต่างเศรษฐีมีอิทธิพล ใช้อำนาจรังแกคนจน
นี่น่ะหรือ สิ่งที่ชาติมหาอำนาจเรียกว่า... การค้าที่เป็นธรรม
ทำไมสารเร่งเนื้อแดงถึงได้สำคัญต่ออุตสาหกรรมหมูของสหรัฐฯ ทั้งที่เป็นสารที่มีอันตรายต่อผู้บริโภคทำให้หัวใจทำงานหนัก เป็นอันตรายสูงกับคนที่ป่วยโรคหัวใจ ความดัน และเบาหวาน...ทำไมทางการสหรัฐฯและสมาคมผู้เลี้ยงหมูถึงยังดึงดันใช้กันอยู่อีก
นั่นเพราะสารเร่งเนื้อแดง คือ “อาวุธสำคัญ” ที่ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงหมูของสหรัฐฯชนะขาดทุกประเทศ...หมูกินอาหารน้อยลง แต่มีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
หมูที่ใช้สารนี้จะโตเร็วขึ้น 4 วัน โดยใช้อาหารน้อยลงเกือบ 20 กิโลกรัม...เลยทำให้การเลี้ยงหมูของสหรัฐฯมีต้นทุนแค่ 32 บาทต่อกิโลกรัม
ในขณะบ้านเราห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดง มีต้นทุนอยู่ที่ กก.ละ 64 บาท
ถ้ารัฐบาลและคณะทำงานของประเทศไทย ยอมศิโรราบตามคำขู่ อะไรจะเกิดตามมา...นอกจากคนไทยทั้งประเทศต้องเสี่ยงภัยจากสารเร่งเนื้อแดง
ความหายนะจะบังเกิดกับคนเลี้ยงหมูทั้งรายย่อย รายกลาง รายใหญ่ กว่า 195,000 ราย ต้องล้มหายตายจาก พร้อมๆกับความล่มสลายของห่วงโซ่ในอุตสาหกรรมการเลี้ยงหมูทั้งระบบอีก 200,000 ราย ที่สร้างมูลค่าเศรษฐกิจให้ประเทศชาติปีละกว่า 373,000 ล้านบาท พลอยมลายหายไปด้วย
รัฐบาลอำนาจพิเศษจะทนรับบาปกรรมนี้ได้หรือไม่.
สะ–เล–เต