แจงมะกันอย่าตัดจีเอสพี

นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยกรณีที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) อยู่ระหว่างพิจารณาคำร้องของสภาผู้ผลิตสุกรแห่งสหรัฐฯที่ขอให้ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าไทย เพราะไม่เข้าข่ายประเทศที่ได้รับสิทธิในด้านการเปิดตลาดให้กับสหรัฐฯอย่างเป็นธรรมและสมเหตุผล เนื่องจากไม่เปิดตลาดนำเข้าหมูจากสหรัฐฯว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย ได้ยื่นคำร้องไม่ให้สหรัฐฯตัดสิทธิสินค้าไทยแล้ว ขณะนี้ สหรัฐฯอยู่ระหว่างการพิจารณา และจะเปิดรับฟังความเห็นสาธารณะวันที่ 19 มิ.ย.นี้ โดยฝ่ายไทยจะมีสำนักงานมาตรการสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) และสำนักงานพาณิชย์ไทยในต่างประเทศ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. (ทูตพาณิชย์) เป็นผู้ชี้แจงกับสหรัฐฯ

ส่วนกรณีที่ญี่ปุ่นจะตัดจีเอสพีไทยตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.62 เพราะไทยมีระดับการพัฒนาประเทศที่สูงขึ้น และได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางถึงสูงนั้น ผู้ส่งออกไทยไม่ต้องกังวล เพราะใช้สิทธิส่งออกภายใต้ความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ทั้งไทย-ญี่ปุ่น และอาเซียน-ญี่ปุ่นได้ ยกเว้นไซลิทอล ซึ่งเป็นสารให้ความหวานแคลอรีต่ำ ที่ต้องเสียภาษีนำเข้าอัตราปกติ 17% จากภาษีภายใต้จีเอสพี 10% โดยช่วง 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.) ปีนี้ ไทยส่งออกสินค้าดังกล่าวไปญี่ปุ่น 928,808 เหรียญสหรัฐฯ ขณะที่การใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้เอฟทีเอ และการใช้สิทธิจีเอสพีในช่วง 4 เดือนปีนี้นั้น ไทยส่งออกไป 17 ประเทศคู่เจรจาเอฟทีเอ 45,695.68 ล้านเหรียญ เพิ่ม 12.78% แต่กลับใช้สิทธิประโยชน์ภายใต้เอฟทีเอส่งออกเพียง 21,706.39 ล้านเหรียญ เพิ่ม 20.33% คิดเป็น 73.06% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ได้รับสิทธิ ขณะที่ส่งออกไปประเทศที่ให้จีเอสพีกับไทย 18,632.75 ล้านเหรียญ เพิ่ม 11.65% แต่เป็นการส่งออกโดยใช้สิทธิจีเอสพี 1,470.95 ล้านเหรียญ ลด 0.13% คิดเป็น 55.38% ของการส่งออกสินค้าที่ได้รับสิทธิทั้งหมด.