ออกกฎคุมระดมทุนดิจิทัล ก.ล.ต.ย้ำ เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง

Economics

Thai Economics

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ออกกฎคุมระดมทุนดิจิทัล ก.ล.ต.ย้ำ เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง

Date Time: 9 มิ.ย. 2561 07:01 น.

Summary

บอร์ด ก.ล.ต.ไฟเขียวเกณฑ์กำกับดูแลการระดมทุนด้วยวิธีเสนอขายเหรียญดิจิทัล หรือไอซีโอ หวังช่วยลดปัญหาประชาชนถูกหลอกลวง ป้องกันการเกิดแชร์ลูกโซ่ และป้องปรามการฟอกเงิน คาดออกประกาศได้ มิ.ย.นี้ ..

Latest

ทำไมการปล่อยให้ไทยเป็น “ฐานฟอกเงินโลก” กระทบชีวิตและการเงินคนไทย

บอร์ด ก.ล.ต.ไฟเขียวเกณฑ์กำกับดูแลการระดมทุนด้วยวิธีเสนอขายเหรียญดิจิทัล หรือไอซีโอ หวังช่วยลดปัญหาประชาชนถูกหลอกลวง ป้องกันการเกิดแชร์ลูกโซ่ และป้องปรามการฟอกเงิน คาดออกประกาศได้ มิ.ย.นี้ คุมเข้มคุณสมบัติผู้ออกต้องเป็นบริษัทไทย มีแผนธุรกิจและหนังสือชี้ชวนที่ชัดเจน ขณะที่ให้รายย่อยลงทุนต่อแห่งได้ไม่เกิน 3 แสนบาท ย้ำนักลงทุนต้องเข้าใจเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง

นางทิพยสุดา ถาวรามร รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต.มีมติเห็นชอบแนวทางกำกับดูแลการระดมทุนด้วยวิธีเสนอขายสินทรัพย์หรือเหรียญดิจิทัล (ไอซีโอ) และการประกอบธุรกิจศูนย์ซื้อขาย (Exchange) นายหน้าหรือตัวแทนเพื่อการซื้อขายแลกเปลี่ยน (Broker) และผู้ค้า (Dealer) สินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งจะเป็นแนวทางที่ช่วยลดโอกาสที่ประชาชนจะถูกหลอกลวงหรือถูกเอาเปรียบ ป้องกันการเกิดแชร์ลูกโซ่ รวมทั้งช่วยให้ภาครัฐติดตามและป้องปราม การฟอกเงิน

โดยหลักเกณฑ์ที่ออกมาจะช่วยให้มีความชัดเจนสำหรับผู้ที่ต้องการออกไอซีโอหรือผู้ทำธุรกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล โดยคาดว่าจะออกประกาศได้เดือน มิ.ย.นี้ และปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาสที่ 4 น่าจะเห็นการระดมทุนไอซีโอตามเกณฑ์ใหม่นี้ ส่วนไอซีโอจากต่างชาติที่ต้องการมาระดมทุนขายให้นักลงทุนไทยจะไม่สามารถทำได้ เพราะผิดกฎหมาย หากจะระดมทุนในไทยต้องผ่านตามกฎเกณฑ์ของไทย เท่านั้น และคาดว่าภายหลังจากเกณฑ์ประกาศใช้ น่าจะส่งผลดีให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจ ผ่อนคลายกฎเกณฑ์การลงทุนของสถาบันการเงินในสินทรัพย์มากขึ้น เพราะได้ร่วมกันศึกษามาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับสาระสำคัญของหลักเกณฑ์และการกำกับดูแลมีดังนี้ ผู้ที่จะระดมทุนออกไอซีโอต้องเป็นบริษัทตามกฎหมายไทยที่มีแผนธุรกิจชัดเจน มีงบการเงินที่ผ่านการตรวจสอบ และต้องกำหนดสิทธิของผู้ถือโทเคนดิจิทัลที่ชัดเจน มีหนังสือชี้ชวน หรือข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจลงทุน มีคำเตือนความเสี่ยงที่ชัดเจน และต้องรายงานความคืบหน้าโครงการและการใช้เงินเป็นระยะ ทั้งนี้ การออกไอซีโอแต่ละครั้งสามารถขายให้ผู้ลงทุนสถาบัน, ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ เช่น บุคคลธรรมดาที่มีสินทรัพย์สุทธิมากกว่า 70 ล้านบาทขึ้นไป, กิจการร่วมลงทุนได้ไม่จำกัดวงเงิน ส่วนผู้ลงทุนรายย่อยได้กำหนดให้ขายรายละไม่เกิน 300,000 บาทต่อดีลของไอซีโอ ที่ออกแต่ละครั้ง โดยวงเงินรวมที่ขายผู้ลงทุนรายย่อยต้องไม่เกิน 70% ของมูลค่าที่เสนอขายทั้งหมดหรือไม่เกิน 4 เท่าของส่วนของผู้ถือหุ้น

ขณะที่ในส่วนของการเสนอขายต้องทำผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ไอซีโอพอร์ทัล) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. โดยผู้ทำหน้าที่ไอซีโอพอร์ทัลต้องเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งจะทำหน้าที่คัดกรองโครงการที่จะมาระดมทุนออกไอซีโอ และทำความรู้จักตัวตน สถานะตลอดจนประเมินความสามารถในการรับความเสี่ยงของผู้ลงทุน

สำหรับผู้ที่ต้องการทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนคือศูนย์ซื้อขาย นายหน้า และผู้ค้า สินทรัพย์ดิจิทัลนั้นต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรี และต้องมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วตั้งแต่ 1-50 ล้านบาท ตามที่ ก.ล.ต.กำหนดไว้ และสินทรัพย์ดิจิทัลที่จะนำมาซื้อขายในศูนย์ซื้อขายต้องได้รับความเห็นชอบจากบอร์ด ก.ล.ต.ก่อน

ส่วนการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลในศูนย์ซื้อขายนั้น ต้องเป็นการแลกเปลี่ยนกับเงินบาทหรือคริปโตเคอเรนซีในรายชื่อที่ประกาศเท่านั้น เบื้องต้นกำหนดไว้ 7 คริปโตเคอเรนซี ได้แก่ บิทคอยน์, บิทคอยน์ แคช, อีเธอเรียม, อีเธอเรียม คลาสสิก, ไลท์คอยน์,ริพเพิล และสเตลลา สาเหตุที่เลือก 7 คริปโตเคอเรนซีนี้ เกิดจากการรับฟังความคิดเห็นและพิจารณาเห็นแล้วว่ามีความน่าเชื่อถือได้ในระดับหนึ่ง ไม่มีปัญหาว่ามีความพยายามจะเลี่ยงกฎหมาย หรือปิดบังตัวตนจากการตรวจสอบ และเป็นเหรียญดิจิทัลที่ได้รับความนิยม ทำให้มีสภาพคล่อง เหมาะกับการใช้งาน

“หลักเกณฑ์ที่ออกมาพยายามหาจุดสมดุลระหว่างการสนับสนุนนวัตกรรม และสร้างความเชื่อมั่น ให้ผู้เกี่ยวข้อง แต่อาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้จากของจริง โดยเฉพาะนัก ลงทุนต้องเข้าใจความเสี่ยงที่มีทั้งขาดทุนและกำไร และถือเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งต้องทำความเข้าใจให้ดีก่อนลงทุน”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ