รถไฟอินโดฯ ขอโอกาสไทย ลงทุนรถไฟรางคู่ เสนอผลิต "หัวรถจักร-โบกี้-ศูนย์อะไหล่-ศูนย์ซ่อม" มั่นใจมาตรฐานระดับโลก พร้อมเจรจาทุกเงื่อนไข รวมทั้ง "แลกข้าว"
เมื่อวันที่ 10 พ.ค.61 คณะผู้บริหารการรถไฟอินโดนีเซีย หรืออินคาอุตสาหกรรมหัวรถจักร (INKA INDUSTRY KERETA API) รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตหัวรถจักรและตู้โบกี้ของอินโดนีเซีย ได้เข้าพบผู้บริหารของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) เพื่อหารือในความร่วมมือในโครงการรถไฟรางคู่ที่ประเทศไทยกำลังดำเนินการอยู่
โดย ดร.ธนนท ธัญพงศ์ไพบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนากรบางกอก จำกัด(อินคาไทยแลนด์) ในฐานะตัวแทนอินคาในประเทศไทย กล่าวว่า อินคาอุตสาหกรรมหัวรถจักร สนใจเข้าร่วมลงทุนในโครงการรถไฟรางคู่ในประเทศไทย ซึ่งอินคาของอินโดนีเซีย มีศักยภาพในการ สร้างหัวรถจักร ตู้โบกี้ ตลอดจนอะไหล่ทั้งหมด พร้อมจะเข้ามาลงทุนก่อสร้างโรงงานในประเทศไทยทั้งระบบ เพื่อสนับสนุนให้ไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางในภูมิภาค
INKA INDUSTRY KERETA เป็นรัฐวิสาหกิจของอินโดนีเซีย ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1981 โดยใช้เทคโนโลยีของบริษัท บอมเบอร์เดีย ของแคนาดา มีมาตรฐานระดับโลกที่ผ่านมาผลิตหัวรถจักรและโบกี้ ให้กับอินโดนีเซียส่งออกให้กับอีกหลายประเทศ อาทิ สิงคโปร์ มาเลเซีย บังกลาเทศ อินเดีย และแอฟริกาใต้ เป็นต้น
"INKA ต้องการเข้ามาร่วมมือกับการรถไฟแห่งประเทศไทย ในการจัดหาหัวรถจักรและการบริหารถไฟรางคู่ ซึ่งการรถไฟฯ กำลังปรับปรุงทีโออาร์เพื่อจัดซื้อหัวรถจักร 50 หัว และเช่า 100 หัวรถจักร มูลค่า 6,240 ล้านบาท ซึ่งทาง INKA สามารถเข้าร่วมได้ในราคากลางต่ำกว่าราคากลางที่กำหนดไว้ 124 ล้านบาท และพร้อมให้เช่ารถจักรตามเงื่อนไข รวมทั้งจะเข้ามาก่อสร้างศูนย์ซ่อมรถไฟในประเทศไทย เพื่อให้บริการหลังการขายให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ปัจจุบันมีปัญหาเรื่องการจัดหาอะไหล่" ดร.ธนนท กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทตัวแทนอินคา กล่าวว่า อินคาจะเข้าร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทยแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งจะตัดปัญหานายหน้าหรือคนกลางออกไป ช่วยประหยัดงบประมาณ ซึ่งทางอินโดนีเซียพร้อมจะเจรจาทุกเงื่อนไข อาทิ การแลกเปลี่ยนกับข้าวจากไทย หรือสินค้าอย่างอื่นหากประเทศไทยต้องการ ซึ่งการใช้หัวรถจักรจากอินโดนีเซีย จะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในอาเซียนแนบแน่นยิ่งขึ้น
"อินโดนีเซีย พร้อมให้การสนับสนุนประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางรางของอาเซียน โดยจะเข้ามาลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตหัวรถจักรและศูนย์ซ่อม เพื่อบริการประเทศในภูมิภาค อาทิ เมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่กำลังมีการเจรจาในอนาคต ต้องการให้รัฐบาลไทยสนับสนุนประเทศในอาเซียน ไม่เพียงได้สินค้าที่ได้มาตรฐานและมีเงื่อนไขไม่มากแล้ว ยังจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในฐานะประเทศอาเซียนด้วยกันด้วย"
หลังจากนี้ในวันที่ 11 พ.ค.นี้ รัฐมนตรี รัฐวิสาหกิจ และเลขาธิการประธานาธิบดีอินโดนีเซีย มีกำหนดเดินทางมาไทย เพื่อขอโอกาสเข้าพบ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี