ยกเครื่องบริหารจัดการน้ำอีสานใต้ รัฐทุ่มพันล้านอุ้ม 40 โครงการ

สั่งศึกษาปั้น ‘โคราช’ เมืองใหม่

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมการ พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์) หรือกลุ่มจังหวัดนครชัยบุรินทร์ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารส่วนราชการ ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร ช่วงก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) จ.บุรีรัมย์ โดยนายกฯย้ำว่า การใช้งบประมาณจังหวัด กลุ่มจังหวัดให้เกิดประสิทธิภาพ ไม่ใช่การทุ่มงบประมาณลงไปในพื้นที่ใดเป็นพิเศษ เอกชนที่เสนอโครงการมานั้น จะได้รับจัดสรรงบประมาณหรือไม่ ต้องดูว่าตรงกับแผนของหน่วยงานหรือไม่ แล้วค่อยจัดลำดับความสำคัญเร่งด่วนว่ามีความพร้อมด้านข้อมูลหรือไม่ เพราะการจะจัดงบประมาณให้พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งคงไม่ได้ ต้องกระจายไปทุกพื้นที่

“ที่ประชุมได้พิจารณาเรื่องการเกษตรและแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งมีการเสนอโครงการน้ำเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งจำนวน 84 โครงการ วงเงิน 3,476.65 ล้านบาท โดยให้การอนุมัติทั้งหมด แต่มีส่วนที่ดำเนินการได้เลย 40 โครงการ วงเงิน 1,015 ล้านบาท ที่เหลือ 44 โครงการ วงเงิน 2,461.65 ล้านบาท ให้ยกไปดำเนินการโดยใช้งบประมาณปี 2562-2564 เป็นต้น”

นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบก่อสร้างศูนย์รวบรวมตู้คอนเทนเนอร์ (ไอซีดี) ที่ จ.นครราชสีมา และให้ทำพิธีศุลกากรได้เลย รวมถึงเห็นชอบให้กรมโยธาธิการรับไปดำเนินการโครงการเมืองใหม่ของนครราชสีมา ให้ใช้แนวทางการเป็นสมาร์ท ซิตี้ด้วย ส่วนข้อเสนอการสร้างศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ เพื่อให้นครราชสีมาเป็น “ไมซ์ ซิตี้” มอบให้สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (ทีเส็บ) รับไปศึกษาความเหมาะสม

ด้านนายหัสดิน สุวัฒนะพงศ์เชฏ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ศูนย์บริการศุลกากรที่จะมีการก่อสร้างจะตั้งอยู่บริเวณ ต.นากลาง อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เพื่อเป็นจุดขนถ่ายสินค้าและทำพิธีศุลกากร ทั้งขาเข้าและขาออก และเป็นจุดสนับสนุนคอนเทนเนอร์ยาร์ดจำนวนมากในภาคอีสาน คาดการณ์ว่าจะสามารถช่วยประหยัดต้นทุนในการขนส่งของภาคเอกชนได้ปีละไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท ต่อการขนส่งสินค้า 1 ล้านตัน ซึ่งจะช่วยทำให้ต้นทุนการขนส่งสินค้าโดยรวมของประเทศลดลง.