สลากฯชุด 5 ใบ คอหวยขานรับ

แต่หวั่นยี่ปั๊วรวมชุดเพิ่ม

สำนักงานสลากฯขึ้นเหนือจัดประชาพิจารณ์สลากแบบ รวมชุดรอบที่ 2 ที่จังหวัดเชียงใหม่ สุดคึกคัก ผู้ค้าสลากและประชาชนสนใจเข้าร่วมประชาพิจารณ์กว่า 600 คน เกือบทั้งหมดหนุนสำนักงานสลากฯ ทำสลากชุด 5 ใบ ขาย 400 บาท พร้อมข้อเสนอแนะยกเลิกซื้อสลากผ่านเครื่องเอทีเอ็ม และขอรับสลากเป็นเลขคละ 3 ตัวหน้า

ที่โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 8 พ.ค. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ได้จัดประชาพิจารณ์แบบสลากรวมชุด เป็นครั้งที่ 2 หลังจากเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานสลากฯได้จัดประชาพิจารณ์ที่สำนักงานสลากฯ สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เป็นครั้งแรกไปแล้ว สำหรับบรรยากาศการประชาพิจารณ์ที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นไปด้วยความคึกคัก มีผู้ค้าสลากและประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมประชาพิจารณ์กว่า 600 คน

นายธนวรรธน์ พลวิชัย กรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล (บอร์ด) ในฐานะโฆษกคณะกรรมการสลาก กินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า สำนักงานสลากฯกำหนดจัดเวทีสัมมนาประชาพิจารณ์เรื่องสลากชุดขึ้นทั่วทุกภูมิภาค โดยเชิญนักวิชาการ ตัวแทนจำหน่ายที่เป็นผู้พิการและตัวแทนจำหน่ายรายย่อย ตลอดจนเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมแสดงความคิดเห็น สำหรับภาคเหนือจัดการสัมมนาที่จังหวัดเชียงใหม่ มีอาจารย์พันธุ์ศักดิ์ คำแก้ว ประธานศูนย์เรียนรู้เพื่อครอบครัวเข้มแข็งจังหวัดลำปาง นายลำยอง กันนัย เลขานุการสมาคมส่งเสริมอาชีพคนพิการจังหวัดเชียงใหม่ นายชาติ ประทุมวรรณ ตัวแทนจำหน่ายรายย่อย ร่วมเข้าแสดงความคิดเห็นด้วย

สำหรับผลการสัมมนา ผู้ร่วมสัมมนาทั้งหมดเห็นว่า สำนักงานสลากฯ ควรทำสลากแบบชุด 5 ใบ 400 บาท แต่ยังมีข้อกังวลใจอยู่บ้าง โดยนายลำยอง กันนัย เลขานุการสมาคม ส่งเสริมอาชีพคนพิการจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า สำนักงานสลากฯ ควรจะมีการกระจายหมายเลขสลากแบบคละกัน เพื่อแก้ปัญหาเรื่องเลขตาย หรือเลขที่ขายไม่ออกด้วยเช่น เลข 3 ตัวหน้า 000 หรือ 111 เป็นต้น ส่วนเลขท้าย 3 ตัวหลัง ไม่มีปัญหาเพราะเลขท้ายจะเรียงจาก 000 ถึง 999 อยู่แล้ว ซึ่งเลข 3 ตัวหน้าที่เหมือนกัน ไม่เป็นที่ต้องการของตลาด จึงมีการนำออกมาขายให้ยี่ปั๊วเพื่อรวมเป็นชุด ซึ่งหากผู้ค้าสลากไม่ขายเลขดังกล่าวออกก็จะกลายเป็นต้นทุนเนื่องจากจำหน่ายไม่หมด

ด้านนายพันธุ์ศักดิ์ คำแก้ว ประธานศูนย์เรียนรู้เพื่อครอบครัวเข้มแข็งจังหวัดลำปาง กล่าวว่าเห็นด้วยในความพยายามหลายๆด้านของคณะกรรมการสลากฯ ในการแก้ไขปัญหาสลากเกินราคาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีข้อกังวลใจว่า ผู้ค้าสลากจะนำสลากรวมชุดไปจำหน่ายต่อ อีกทั้งไม่เห็นด้วยกับการเดินเร่สลากไปทั่วทุกถนน ตลาด หรือชุมชนต่างๆ โดยเสนอว่าควรมีการควบคุม ขณะเดียวกันสำนักงานสลากฯ ควรเพิ่มกิจกรรมเรื่องการสร้างความรู้เท่าทัน การพนันด้วย เช่นเดียวกับนายชาติ ประทุมวรรณ ตัวแทนจำหน่ายรายย่อย ที่เห็นด้วยกับการจัดทำสลากรวมชุด แต่สำนักงานสลากฯ ควรหาแนวทางป้องกันเพื่อไม่ให้พ่อค้าคนกลางนำสลากไปรวมชุดมากขึ้น

ภายหลังการประชาพิจารณ์เสร็จสิ้น นายธนวรรธน์ กล่าวสรุปว่า การทำประชาพิจารณ์ในครั้งนี้ มีความหลากหลายมาก สรุปได้ดังนี้ คือ 1.สำนักงานสลากฯจะไม่พิมพ์สลากเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันพิมพ์งวดละ 80 ล้านฉบับ เพราะเกรงว่าจะมอมเมาประชาชน 2.ผู้ค้าสลากจำนวน 200,000 รายทั่วประเทศ จะต้องเลือกว่าจะจำหน่ายสลากใบ หรือจำหน่ายสลากเลขชุดอย่างใดอย่างหนึ่ง 3.ผู้ค้าสลากรายย่อยจะได้รับจากการจองซื้อและซื้อตรงผ่านเครื่องเอทีเอ็มคนละไม่เกิน 5 เล่ม หรือ 500 ฉบับเท่าเดิม ส่วนสลากเลขชุดจะจำหน่ายผ่านเครื่องเอทีเอ็ม หรือไปแจ้งความประสงค์ที่อำเภอ จะรายงานให้บอร์ดพิจารณาเพื่อตัดสินใจต่อไป และ 4.ผลสรุปของประชาพิจารณ์ จะรายงานให้บอร์ดรับทราบและตัดสินใจภายในเดือน มิ.ย. หลังจากทำประชาพิจารณ์ ที่จังหวัดภูเก็ตในวันที่ 25 พ.ค. จังหวัดนครสวรรค์ในวันที่ 28 พ.ค. และจะไปจัดสัมมนาโครงการนี้ครั้งสุดท้ายที่จังหวัดเลย ในวันที่ 19 มิ.ย. นอกจากนี้ สำนักงานสลากฯ ยังเปิดให้ประชาชนแสดงความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล www.glo.or.th และตู้ ปณ.22 ปณ.นนทบุรี อ.เมืองนนทบุรี 11000 จนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.2561 ขณะนี้ มีผู้แสดงความเห็นผ่านเว็บไซต์แล้ว 1,762 ราย ส่วนใหญ่มากกว่าร้อยละ 70 เห็นว่าควรทำสลากรวมชุด แบบชุด 5 ใบ ราคาชุดละ 400 บาท และต้องการซื้อสลากแบบรวมชุดจากผู้จำหน่ายที่มีจุดจำหน่ายประจำ และมีบัตรตัวแทน จำหน่าย เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้

นายธนวรรธน์กล่าวอีกว่า ส่วนข้อเสนอแนะต่างๆ เช่น การยกเลิกซื้อและจองผ่านเครื่องเอทีเอ็ม การขอเพิ่มโควตาจากคนละ 5 เล่ม เป็น 10 เล่ม หรือ 1,000 ใบ การใช้คิวอาร์โค้ดในการซื้อสลากและตรวจสอบการจำหน่ายสลากเกินราคารวมถึงการสำรวจผู้ค้าสลากตัวจริงและตัวปลอม จะรายงานให้บอร์ดรับทราบต่อไป